Thursday, March 21, 2013

[Race Diary] Standard Charter Bangkok Marathon 2012: มินิมาราธอนสนามแรก



What's your reason to run?


มินิมาราธอนครั้งแรกในชีวิต ที่ไม่เคยคาดคิดว่าตัวเองจะเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมอะไรแบบนี้ จากที่เคยเปรยไว้เมื่อตอนแรกว่าในชีวิต เคยอยากทำอะไรแบบนี้เหมือนกัน แต่ไม่เคยคิดว่าจะได้ทำมัน มินิมาราธอนสนามแรกนี้ เกิดขึ้นหลังจากเริ่มวิ่งเพียง 2 เดือนกว่าๆ ไม่มีความรู้อะไรเกี่ยวกับงานวิ่งมาราธอน หรือ ความรู้เกี่ยวกับการวิ่งมากมายนัก แค่รู้สึกว่า เห็นเค้าทำ ก็อยากทำบ้าง คงจะน่าสนุกดี 
 
ในตอนนั้น การวิ่งระยะทาง 10 กม. ดูเป็นเรื่องยิ่งใหญ่ ไม่ธรรมดา และไม่เคยคิดว่าตัวเองจะทำได้เลย ก่อนจถึงวันงาน เคยได้ลองวิ่งถึงระยะ 10 กม. ดูแล้ว แต่เป็นการวิ่ง สลับเดิน ไม่สามารถวิ่งต่อเนื่องได้ แต่ในเมื่อความบ้าพลังมันครอบงำ มีหรือที่สาวคึกคักอย่างฉันจะยอมแพ้

ณ จุดปล่อยตัว พลังมหาชนคนอยากวิ่งล้นหลามมาก

มินิมาราธอนแรก ตื่นเต้นมาก เตรียมตัวเตรียมพร้อมเหมือนลงแข่งมาราธอนจริงๆ พาลคิดว่า ในวันที่วิ่งฟูลมาราธอน นางจะคึกจะดีดขนาดไหน เตรียมพร้อมด้วยการเลือกเสื้อผ้าตั้งแต่กลางสัปดาห์ และไม่ลืมลองชุดให้เรียบร้อยด้วยนะ แม้ว่าจะเป็นชุดเดิมที่เคยใส่มาหลายครั้งก็ตาม (เห่อไหม) เตรียมร่างกายให้พร้อมด้วยการกินเยอะๆ โหลดคาร์ป (วิ่งมินิ โหลดแบบอัลตร้ามาราธอน) จัดเต็มขนมนมเนย เตรียมตัวเข้านอนแต่หัววัน ด้วยการวางแผนไปเปิดโรงแรมใกล้จุดปล่อยตัวเพื่อจะได้ไม่ต้องลำบากเดินทางแต่เช้าตรู่และวุ่นวายเรื่องหาที่จอดรถ

แต่..ความพร้อมทุกอย่างเริ่มส่อแววไร้ค่าเมื่อเช็คอินเข้าโรงแรม ด้วยความเก๋ และชิลของโรงแรมที่มีบาร์ชิคๆบนดาดฟ้า จะให้สวยเข้านอนแต่หัวค่ำ มันต้องมีเครื่องย้อมใจสักหน่อย เอาน่ะ จัดไป เบาๆ จะได้หลับสบาย แต่..อย่างที่บอก สวยไม่เคยจัดเบา จิบเพลินๆสำราญใจคนเดียวสักพัก หล่อก็แวะมาทักทาย เมื่อสวยและหล่อป๊ะกัน สปิริตก็เริ่มก่อตัว แม้หล่อจะขอแยกตัวเพราะต้องไปเก็บตัวเตรียมฮาล์ฟ มาราธอนแรกเช่นกัน แต่เมื่อความคึกสวยก่อตัวแล้ว มันยากจะทำให้จบลงง่ายๆ สรุปว่า ค่ำคืนนั้นแผนการนอนเร็วเละเทะสิ้นดี จำได้ว่าเข้านอนประมาณเกือบตี 1 และตื่นตี 4 เพื่ออาบน้ำแต่งตัว ยืดเส้นด้วยโยคะ และเดินทางสู่จุดปล่อยตัว
 
ความตื่นเต้นกลบความแฮ๊งค์ให้ไม่แสดงออกมา แต่เพื่อนที่วิ่งด้วยกันทักเลยว่า มึงละมุดมากเขินเบาๆแต่ยังคงคึกต่อไป ถึงเวลาปล่อยตัว วิ่งเต็มที่ แซงปรู๊ดปร๊าด เจอทางขึ้นสะพานพระปิ่นเกล้าก็ยังไหว ไต่ทางยกระดับก็ยังไหว แต่เริ่มหมดภาพตอนกลับตัว 5 กม. อาการแฮ๊งค์เริ่มออก กระหายน้ำมาก กระหายสุดชีวิตทั้งที่แวะรับน้ำทุกจุดแล้ว สุดท้ายทนพลังแดดไม่ไหว ไม่คิดว่าจะแรงทำร้ายขนาดนี้จึงไม่ได้เตรียมหมวกไว้ เดินค่ะ เดินไปพักใหญ่เลย และพยายามวิ่งเบาๆอีกครั้ง จนลงสะพานมา ตอนนั้นรู้สึกว่าร่างกายขาดน้ำมาก ถึงขั้นต้องตะโกนถามหาน้ำกับเจ้าหน้าที่  น้ำอีก 2 กิโลครับประโยคธรรมดา แต่ตอนนั้นเหมือนฟ้าผ่าลงแสกหน้า ทำอะไรไม่ได้ วิ่งชดใช้กรรมต่อไป

สวย..ท่ามกลางหมู่นักวิ่งครั้งแรกในชีวิต

ไม่เคยลงสนามวิ่งมาก่อน มาเจอปริมาณคนร่วมงานในปีนี้ก็อดแปลกใจไม่ได้ คนเค้าวิ่งกันเยอะขนาดนี้เลยหรือนี่ แล้วฉันไปอยู่ไหนมา ทำไมฉันเพิ่งมารู้จักโลกใบนี้เอาป่านนี้ เพื่อนร่วมทางเยอะมาก วิ่งเกาะกันเป็นกลุ่มตลอดทาง แทบจะไม่มีช่วงให้วิ่งเดี่ยวโชว์ความสวยเลย ปลื้มใจนะ เห็นคนรักสุขภาพมารวมตัวกัน

วิ่งมาจนถึงช่วงมุ่งหน้าถนนพระอาทิตย์ ร่างกายเริ่มดีขึ้น ความเหนื่อยลดลงและพลังก๊อกสองเริ่มเกิดขึ้น พยายามเร่งขึ้นเรื่อยๆ และมาเร่งสุดประมาณ 100 เมตรก่อนถึงเส้นชัย จริงๆตอนที่เร่งนี่ก็ไม่รู้ว่ามันจะถึงเส้นชัยแล้วนะ เพราะคิดว่าเส้นชัยน่าจะอยู่จุดเดียวกับจุดปล่อยตัว แต่ฉันเข้าใจผิดหมด

ฉันทำแล้ว และฉันทำได้

มินิมาราธอนสำหรับสนามนี้เหมือนลูกเมียน้อย ดูเค้าให้ความสำคัญกับฮาล์ฟ และฟูลมาราธอนมากกว่า ทางเข้าสู่เส้นชัยก็สวยงามผิดกัน สำหรับมินิแล้ว มาถึงเส้นชัยยังไม่รู้ว่ามันคือเส้นชัย เพราะมีคนยืนเดินวุ่นวายกันเต็มไปหมด จนต้องหยุดวิ่ง และเข้าใจเองว่า เออ กูเข้าเส้นชัยแล้วว่ะ’ 

กรุงเทพมาราธอนในความคิดฉันมันคืองานวิ่งระดับประเทศ ที่เป็นหน้าเป็นตางานหนึ่ง และเป็นงานที่เชื่อว่านักวิ่งจะต้องลองสักครั้งในชีวิต แต่การจัดการงานมันห่างไกลคำว่ามืออาชีพจริงๆ การแจกเหรียญให้ตั้งแต่ก่อนวิ่ง ก็ลดความตื่นเต้นของการลงสนามไปเยอะแล้ว แต่ที่น่าเศร้ากว่าคือ เหรียญหมดตั้งแต่ยังไม่ได้วิ่ง รู้สึกเสียดายกับเหรียญ เพราะอยากเก็บไว้ให้ตราตรึงใจกับมินิมาราธอนงานแรก แต่ก็ช่างมัน เพราะฉันทำอะไรไม่ได้

กับพี่แมพ ดีเจในดวงใจ

ถึงจะเซ็งกับเหรียญก็ไม่เป็นไร มันเรื่องเล็ก อย่างน้อยงานนี้ก็ให้ความทรงจำที่ดี และเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของชีวิตฉันเลยก็ว่าได้ ฉันหลงรักบรรยากาศงานวิ่ง และอยากที่จะวิ่งไปเรื่อยๆ ฉันภูมิใจในตัวเอง ที่ได้เริ่ม ได้ทำ และทำมันได้แม้จะเป็นแค่ก้าวแรกเล็กๆ ถือเป็นงานวิ่งหนุ่งงาน ที่ทำให้หัวใจฉันพองโต

ข้อคิดเตือนใจที่จำไว้สอนตัวเอง อย่าเมา อย่าดื่มหนักคืนก่อนงานวิ่งเป็นอันขาด หรือแม้จะไม่ใช่งานวิ่ง ถ้าคืนไหนซ่า วันรุ่งึ้นเธออย่าริอาจตื่นแต่เช้าไปวิ่ง..นรกจริงๆ

เมื่อวิ่งมินิมาราธอนกับกรุงเทพมาราธอนมันยังไม่สนุกสุดใจ งั้นปีนี้ขอแก้มือใหม่...เจอกันนะ กับ My First Full Marathon

*finished first mini-marathon 10.5 k within 1.08 hrs.

No comments:

Post a Comment