Friday, April 7, 2017

[Foot Fit Journey] เรื่องเล่าจาก Everest Base Camp Trekking: Day 9 Kalapathar - Pangboche

 “โบกมือลา Everest Base Camp

[25 ธันวาคม 2559] Kalapathar (5,550m) Gorakshep (5,164m) – Pangboche (3,985m)




เข้านอนตั้งแต่ทุ่มนึง นอนร้องไห้ขี้มูกโป่งเพราะตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเอาอย่างไรกับชีวิตดี ตื่นตั้งแต่กลางดึกเพราะเสียงลมพัดแรงมาก (จริงๆการนอนไม่หลับบนระดับความสูงนี้คือเรื่องที่เกิดขึ้นได้เป็นปกตินะ) รู้ได้เลยว่าข้างนอกที่มันหายนะชัดๆ ตอนนั้นในหัวคิดวา “ให้กูออกไปเดินในสภาพอากาศแบบนี้น่ะหรอ นรกชัดๆ” เลยทำให้ยิ่งนอนไม่หลับเพราะมัวแต่คิดว่าเอายังไงดี จะไม่ขึ้นยอด Kalapathar แล้วนอนต่อเพื่อเก็บแรงแล้วไปอีกสองที่ที่เหลือ หรือจะเป็นไงเป็นกัน หรือ .. จะกลับบ้าน




สุดท้าย .. ลุกขึ้นมาตอนตีสาม จัดการเก็บของ แพคทุกอย่างลงกระเป๋า แต่งตัวเพื่อออกไปขึ้น Kalapathar ใส่ทุกอย่างที่จะทำให้ตัวเองอุ่นที่สุด จนตัวกลมดิ๊ก จำได้เลยว่าวันนั้นใส่ถุงเท้าไปสามชั้น แทบขยับนิ้วเท้าไม่ได้เลยทีเดียว เปิดประตูห้องนอนเดินออกไปห้องรับแขกเพื่อรอประกาศ หนาวมาก หนาวจนต้องทบทวนตัวเองว่านี่กูทำอะไรอยู่ หนาวจนต้องถามตัวเองว่า "นี่มึงบ้ารึเปล่า?"  ตอนนั้นรู้แล้วว่ายังไงก็ต้องไม่รอดแน่ๆ พอเปิดประตูโรงแรมออกไป หันไปถามประกาศว่า นี่มันกี่องศา ทำไมหนาวขนาดนี้ ประกาศบอกว่า "-20" นี่เราจะมีชีวิตรอดจริงๆเหรอ...


สภาพทางเดินขึ้นที่ถ่ายตอนฟ้าสว่างแล้ว

นอกจากเรากับประกาศแล้ว มีฝรั่งอีก 3 คนที่ล่วงหน้าไปก่อนแล้ว ลมแรงมาก แรงจนแทบไม่ต้องเดินลมก็สามารถพัดตัวเราให้เคลื่อนที่ได้ ลมแรง หนวมาก สบถไปจนตลอดทาง เดินไปก็โวยวายไป ไม่เอาแล้ว เราไม่อยากทำสิ่งนี้แล้ว สุดท้ายบอกไกด์ว่า เราเดินไม่ไหวแล้วมันหนาว ไกด์เสนอทางเลือกสองทาง “เดินลง” หรือ “รออยู่ตรงนี้ อีก 1 ชม.พระอาทิตย์ก็ขึ้นแล้ว” ณ ตอนนั้นทางเลือกทั้งสองอย่างนี้แย่ทั้งคู่ ให้เดินลงก็เสียดายที่อุตส่าห์ตะกายขึ้นมา แต่ถ้าจะให้หยุดรอตรงนี้คงจะแข็งตายแน่ๆ

รูปคู่ที่ดีที่สุดของเรากับ Everest

พยายามค่อยๆเดินต่อ แต่รู้สึกปวดมือมากเลยก้มลงมองมือตัวเอง สิ่งที่เห็นทำให้เราแทบช็อค ถุงมือเรามีน้ำแข็งเกาะเต็มไปหมด เพราเราดันทำน้ำหกใส่ถุงมือก่อนออกมา ประกาศบอกให้เราถอดออกซะก่อนมือจะแข็งตาย แล้วก็ถอดถุงมือตัวเองออกมาให้เราใส่ หล่อขึ้นมาทันที

สุดท้าย.. เราไม่สามารถทนกับแรงลมและความหนาวระดับ -20 องศาได้อีกต่อไป เลยตะโกนบอกไกด์ว่า “No more! I cannot move and will not move!” สิ่งทิ่คิดและรู้สึกตอนนั้นคือ ฉันจะมาตายตรงนี้ไม่ได้ มันเหนื่อย หายใจไม่ออกจนแทบจะขาดใจจริงๆ ประกาศคงรู้แล้วว่า ณ จุดนั้นเราไม่ไหวแล้ว เพราะปากเราม่วงหมดแล้ว (เค้ามาบอกเราทีหลังว่ารู้ว่าเราไม่ไหวเพราะอะไร) เค้าเลยบอกว่า โอเค ยูหันหลังกลับมาสิ


แสงแรกของวันบนยอดเขา Everest



ภาพที่เห็นคือแสงแรกบนยอดเขาเอเวอร์เรสต์ มันมหัศจรรย์มาก การได้เห็นภาพนี้ด้วยตาของตัวเองมันสวยงามกว่าที่เคยเห็นในภาพถ่ายมาก เราอึ้งกับภาพที่เราเห็นจนน้ำตาคลอ ประกาศบอกว่า ดูวิวตรงนี้ก็ได้ ขึ้นไปก็เห็นภาพไม่ต่างกันแล้ว ภาพตรงหน้าสวยมากแต่เราไม่สามารถกดชัตเตอร์ถ่ายภาพได้เพราะมือแข็งไปหมด ไกด์บอกว่า ตอนนี้ยูอยู่ที่ 5,500 เมตรแล้วนะ ความสูงที่ยูทำได้สำหรับทริปนี้ (ขาดอีกแค่ 50 ม. เราก็ไปไม่ถึง นี่มารู้ทีหลังนะว่าขาดอีกแค่ 50 ม. ไม่งั้นคงจะพยายามขึ้นไป ทำไมแกไม่บอกชั้นตั้งแต่บนเขาวะ)


โบกมือลาเอเวอร์เรสต์

ตลอดทางที่เราเดินขึ้น Kalapathar เราคุยกับตัวเองและทำให้ตัดสินใจว่า เราพอแค่นี้เถอะ เราใช้ชีวิตเกินขีดจำกัดตัวเรามากเกินไปแล้ว ถ้าเราไปต่อตามที่ตั้งใจเราจะไม่สนุกแล้ว รอให้ร่างกายและใจพร้อมค่อยไปจะดีกว่า

ระหว่างเดินลง เราบอกกับประกาศว่า เราตัดสินใจแล้วว่าเราจะไม่ไปต่อ “เราอยากกลับบ้าน และเราจะกลับบ้าน” พอพูดคำนี้ออกไป เรายิ้มและมีความสุขขึ้นทันที เราได้เห็นสิ่งที่เราอยากเห็นแล้ว และคิดว่าพอแล้ว ถ้าไปต่อเราจะไม่สนุกกับมันแล้ว ร่างกายเราพอแล้ว และใจเราสู้มาจนสุดแล้ว

ประกาศหันมายิ้ม แล้วบอกว่า “โอเค เรากลับบ้านกัน”

แล้วเราก็..โบกมือลาเอเวอร์เรสต์กัน

.......


เฮลิคอปเตอร์กู้ภัย

ก่อนที่เราจะออกจากโรงแรมก็มีเรื่องน่าตื่นเต้น เป็นครั้งแรกที่เห็นการกู้ภัยด้วยเฮลิคอปเตอร์ เด็กหนุ่มกลุ่มนึงที่เดินขึ้นมาพร้อมๆกันนี่แหละ เป็นกลุ่มวัยรุ่นที่มีอีเนอร์จี้มาก สุดท้ายด้วยความบ้าพลังของพวกเขานี่แหละเลยทำร้ายตัวพกเขาเอง น้องๆเดินจาก Lobuche ไป EBC เลยโดยไม่หยุดพักที่ Gorakshep ก่อน ตอนแรกก็ปกติดี อยู่ดีๆคนนึงดันมีอาการ stroke .. คงจะจริงอย่างที่เค้าว่า อย่าซ่าบนภูเขา ภูเขาไม่เคยปราณีใคร


หลายคนที่ขึ้นมาแล้วไม่ได้กลับลงไป

ตลอดทางเดินลง ทุกคนต่างทักทายกันด้วยคำว่า “Merry Christmas” อากาศเย็นมาก ลมแรงตลอดทาง หิมาลัยคงอยากให้ของขวัญคริสต์มาสกับทุกคน จากการหยุดพูดคุยกันได้ความว่า วันสองวันที่ผ่านมาที่นัมเชและลุกลาหิมะตกหนักมาก อากาศเปลี่ยนแปลงเร็วจริงๆ เมื่อวานเราโชคดีมากที่สามารถไปถึง base camp ได้พร้อมกับอากาศดีๆ และตลอดทางที่เราเดินนั้นอากาศดีมาก แต่วันนี้ ขาลงอากาศเปลี่ยนจนรู้สึกได้ หนาวขึ้นมาก สลับกับมีหิมะตกบ้างประปราย ขอบคุณหิมาลัย ที่เป็นใจกับเรา ประกาศบอกว่า วันนี้อากาศแย่จริงๆ เค้าไม่เคยขึ้น Kalapathar แล้วเจอลมแรงขนาดนี้ เช้านั้นมีแค่กลุ่มฝรั่ง 3 คนนั้นที่ขึ้นถึง นอกนั้นไม่มีใครขึ้นสำเร็จเลย




ตลอดทางเดินลงวันนี้ เราเริงร่ามาก อารมณ์ดีเหมือนอลิซวิ่งเล่นในดินแดนมหัศจรรย์ สิ่งที่กังวลทั้งหมดหายไป เรากำลังจะกลับบ้านแล้ว


ให้รางวัลตัวเองเป็นแกงเขียวหวานทูน่า โคตรอร่อย!

ลงมาถึงระดับ 4,000 ม. กลับมาพักโรงแรมเดิม และยังเป็นลูกค้าคนเดียวของโรงแรมนี้เช่นเคย รู้สึกดีขึ้นมาก เริ่มกินได้และอารมณ์ดีขึ้น ความสูงมันมีผลกับคนระดับน้ำทะเลอย่างเราจริงๆ