Sunday, February 16, 2014

[Race Diary] Bitec Half Marathon 2014 (09-02-14)



ตัดสินใจมาวิ่งงานนี้ เพราะเบี้ยวการไปวิ่งเล่นในป่าในสมาชิกชาวแก๊งค์เคืองเล่นๆ จนเหมือนโดนลงโทษให้ไปวิ่งงานนี้คนเดียวโดดเดี่ยว เปลี่ยวเอกา

ตั้งแต่จบงานที่จอมบึงมา ชีวิตการวิ่งก็เข้าสูจุดเปลี่ยนของจริงค่ะ ก่อนจอมบึง ถือว่าวิ่งน้อย แต่ก็ยังพอได้วิ่งบ้าง แต่มาถึงสนามนี้ พูดเลยว่า ไม่ได้วิ่งเลย เปิดเดือนกุมภาพันธ์จนถึงวันที่ไปวิ่งไบเทค มีดอกาสได้วิ่งไปแค่วันเดียวเท่านั้น ในระยะ 10 กม. เรียกได้ว่า ชีวิตการลงสนามจากนี้กินบุญเก่ากันอย่างเดียว แต่เอาจริงๆก็ไม่ได้รู้สึกกดดันว่าจะวิ่งไม่ไหว คิดว่ายังไงก็วิ่งจบแน่นอน แต่อาจจะไม่สามารถทำเวลาให้สวยงามได้ตามตั้งใจ (ยังกล้าคิดจะตั้งใจทำเวลาดีๆอีกนะคะ)

ร่างไม่พร้อม ใจไม่พร้อม เสื้อผ้าหน้าผมเราต้องพร้อมไว้ก่อน

วันศุกร์ก่อนวิ่งเกิดเหตุคาดไม่ถึง ตื่นเช้ามาเจ็บข้อเท้าซ้ายมาก จริงๆรู้สึกแปลกมาตั้งแต่วันที่วิ่งซ้อมแล้ว แต่อาการยังไม่ชัดเจน พอตื่นเช้าวันศุกร์ปุ๊บ คุณเอ๊ย เจ็บซะจนแบบว่าไม่สามารถเดินลงน้ำหนักได้เลยทีเดียว สอบถามอาการจากคุณหมอที่เคารพ ทำให้ทราบอาการคร่าวๆว่า ข้อเท้าอักเสบ แต่คงยังไม่หนักมาก เพราะไม่มีอาการบวม จึงยังไม่ได้ทำอะไร ปล่อยให้นอยไปแบบนั้น 


วันเสาร์ตื่นมราตั้งใจจะไปวิ่งเรียกความฟิตสักหน่อย เกรงว่าลงสนามแล้วร่างกายจะไม่ตื่นดี ลุกขึกมาก็เดินวน วิ่งเหยาะไปรอบห้องนอน แล้วก็ตัดสินใจว่า นอนดีกว่า แม้จะไม่เจ็บมากเท่าเดิม แต่ก็พักไปอีกสักวัน แล้วก็คิดไปเรือ่ยๆว่าจะวิ่งหรือไม่วิ่งงานดี วุดท้าย ตัดสินใจขับรถออกจากบ้านไปเอา bib ไปถึงยังไม่ 10 โมงดี รวดเร็วดีมาก ถือว่าเป็นงานที่จัดได้ดี

จุด start-finish อยู่ในไบเทค ไม่แออัดดี

รับ bib เสร็จแล้วไปเดินเล่นชอปปิ้งตามประสา ไหนๆก็ออกมาไกลถึงรอบนอก แว่บไป Mega Bangna ดีกว่า ดินชอปปิ้งสนุกสนาน 11 โมง ถึง 4 โมงเย็น แล้วก็ได้ข้อสรุปกับตัวเองว่า ถ้าจะเดินชอปได้มันส์ขนาดนี้ แปลว่าหายแล้วชัวร์ พรุง่นี้นางก็จงไปวิ่ง อย่างอแง โอเคนะคะ

เข้านอนแต่หัวค่ำ ตั้งนาฬิกาปลุกไว้ 3.45 น. การที่ต้องใช้ระยะเวลาในการขับรถไปยังสนามวิ่งที่ก็ทรมานนะ ถ้าเป็นงานต่างจังหวัดเลย ชีวิตจะง่ายกว่าเยอะ แต่ถ้าเป็นงานที่จัดใน กทม. แต่ไกลบ้านก็จะต้องขุดตัวเองให้ตื่นขึ้นมาให้ได้ ไปถึงจุดปล่อยตัวประมาณ 4.40 น. ก่อนปล่อยตัว 20 นาที เป็นงานที่ไม่มีเพื่อนชาวแก๊งค์มาวิ่ง จึงไม่ค่อนได้เสวนาให้สติเตลิดก่อนปล่อยตัว มีเวลาได้ยืดนิดหน่อยเพราะไม่ได้มัวแต่เม้าท์ ฮา..

ก่อนปล่อยตัว ให้เห็นว่าดิฉันไปอยู่แนวหน้าจริงจริ๊ง

ด้วยความที่ไปคนเดียว หัวเดียวกระเทียมลีบ จึงทำให้เช็คอินแล้วเดินไปอยู่ซธแนวหน้าม๊ากกกก หน้าจนตกใจตัวเอง จึงต้องตั้งใจว่า พอปล่อยตัวแล้วจะวิ่งแอบไปทางซ้าย เพรากลัวคลื่นมหาชนทให้เสียจังหวะและเร็วเกินสปีดของตัวเอง


ยังไม่ทันได้รู้สึกวอร์ม ก็ต้องตะกายขึ้นสะพานกลับรถ แอบโกรธและงอนคนวางแผนเส้นทางวิ่งในใจ ทำไมโหดร้ายกับหนูจังคะให้ตะกายตั้งแต่ยังไม่พร้อม แต่พอลงสะพานมาก็เป็นทางตรงอย่างเดียวสบายแล้วค่ะ งานนี้ไม่รู้อะไรมาสิงหรือดลใจให้วิ่งช่วงแรกเร็วมาก จนคุณพี่คุณชายนักวิ่งวิ่งตามมาทันและทักว่า เร็วไปมั๊ยน้อง จึงหันไปบอกพี่เค้าว่า ขอเกาะจังหวะไปด้วยกัน

และแล้ว..ความเหนื่อยยากก็เริ่มขึ้น เพราะสองคนนี้เป็นบัดดี้ที่ไม่ช่วยคุมจังหวะกัน แต่พากันใส่สุดและวิ่งกันอย่างเมามันส์มาก ไม่มีใครยอมใคร แต่ต่างพร้อมใจกันจ้ำไปในจังหวะเดียวกันที่เหนื่อยทั้งคู่ จนทำให้แผนการวิ่งครึ่งแรกช้ากว่าครึ่งหลังพังทลาย ครึ่งแรกวิ่งอยู่ที่เพซเฉลี่ยน 5.4 แล้วมันจะเหลือถึงครึ่งหลังได้อย่างไรล่ะคุณเอ๊ย

เวลาและระยะ ขาดไปนิดหน่อยเพราะลืมกดในตอนแรก

วิ่งคู่กันมาเรื่อยๆ ขำขันกับกลุ่มเชียร์ลีดเดอร์บ้าพลังที่ลุกมาเต้นเชียร์ตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่าง เป็นอีกงานที่สนุกเพราะกองเชียร์นี่แหละ พอช่วงกิโลที่ 10 ก็แยกย้ายกันไป เพราะฉันแรงหมด ปล่อยให้คุณชายวิ่งไปก่อน จะมีตามเจอบ้างก็บางช่วงที่สังเกตได้ว่าคุณพี่เค้าก็แรงตกเช่นกัน


เมื่อผิดแผนชีวิตก็เริ่มเข้าสู่วิกฤตค่ะ หลายครั้งที่คิดว่าจะเดินดีไหม เพราะเหนื่อยมาก แต่เมื่อก้มไปมองนาฬิกาก็จะคิดว่า เอาน่ะ เราอาจจะทำเวลาได้สวยงามก็เป็นได้ อุตส่าห์เหนื่อยมาขนาดนี้แล้ว จึงต้องกัดฟันวิ่งต่อไป แต่แรงตกอย่างเห็นได้ชัดจริงๆ มาถึงสะพานสุดท้าย น้ำตาจะไหล ทำไมต้องให้ตะกายสะพานสี่รอบ ถึงกับต้องตะโกนทักทายสหายที่รู้จักกันเมื่อพบเจอบนสะพานว่า "เอี้ยย..สี่สะพาน" แล้วก็กรีดร้องวิ่งต่อไป คือ มันไม่ไหวแล้วจริงๆนะ เหนื่อยมาก เหนื่อยขาดใจ พอถึงเส้นชัยน้องที่แจกเหรียญให้ถึงกับถามว่า “ไหวไหมคะ”

สำเร็จไปอีกหนึ่งสนามนะจ๊ะ

จบอีกหนึ่งสนามฮาล์ฟมาราธอน ฮาล์ฟที่ 2 ของปี ฮาล์ฟที่ 10 ของฉัน พร้อมสถิติใหม่ให้ตัวเอง 2.08 นาที สำหรับ 21.3 กม. ที่ได้มาแบบเหนื่อยมาก จนต้องจำเอาไว้เป็นบทเรียน ว่าจะไม่ผิดแผนแบบนี้อีกแล้ว

สนาม ไบเทค ฮาล์ฟ มาราธอน เป็นสนามที่จัดได้ดีจนต้องขอชื่นชม ปิดเส้นทางการจราจรได้แบบไม่ต้องห่วง ไม่ต้องระวังรถเลย จะมีก็แต่ช่วงลงสะพานกลับรถก่อนเช้าเส้นชัย ที่จะต้องเบี่ยงไปวิ่งชิดซ้ายเท่านั้น ที่ต้องรอเจ้าหน้าที่กั้นรถให้ นอกนั้นถือวัจัดงานได้ดีเลยค่ะ แดดไม่ร้อน เพราะวิ่งเลาะใต้ทางด่วนตลอด ถ้ามีโอกาส อยากให้ไปลองกัน นานๆทีในชีวิตนึงจะได้วิ่งบนถนนสายหลักแบบโล่งๆ โลกใบนี้เป็นของเราก็สนุกดีนะ

และนี่ก็เป็นอีกสนาม ที่ทำให้เรียนรู้อีกหนึ่งเรื่องดีๆว่า บางทีการที่เราไม่ค่อยได้ซ้อม ก็ทำให้ร่างกายเราสด กล้ามเนือ้พร้อม และใจพร้อมอยากจะวิ่งเพระาไม่ค่อนได้วิ่ง ดังนั้น สำหรับใครที่คิดนอย คิดท้อแท้ว่า เอ้ย..ไม่ค่อยได้ซ้อมเลย จะวิ่งไหวไหม ไม่ไปดีกว่า อยากจะบอกว่า ไปวิ่งเถอะค่ะ ไม่ต้องกลัว การพักให้ร่างกายฟิต ก็ถือเป็นอีกหนึ่งการซ้อมที่ดีจริงๆ ..แต่ทั้งนี้ ร่างกายคุณก็ควรมีต้นทุนที่ดีอยู่แล้วด้วยนะคะ

ปล. สนามนี้รูประหว่างทางไม่มีเลย เพราะสหายช่างภาพประกอบบล๊อคสุดที่รักไม่ได้มาวิ่งด้วยนะจ๊ะ