Tuesday, July 30, 2013

[Sunscreen Review] เรื่องเล่าครีมกันแดดสไตล์สาวนักวิ่ง



คำถามโลกแตกของชะนีไทยที่ล่องลอยมาให้เข้าหูบ่อยๆ กระทั่งบางคนก็เดินมาถามต่อหน้า (แต่ไม่ได้ดูสีผิวดิฉันเลย) ครีมกันแดดยี่ห้อไหนใช้แล้วไม่ดำคะ?  โถ โถ..แม่คุณขา อยากได้คำตอบจริงๆไหม ฉันจะตอบให้ว่า ถ้าไม่อยากดำ ให้นอนอยู่บ้านคลุมโปง ปิดม่านอย่าริอาจให้แสงแดดลอดเข้าสู่วังเลยคะ..แหม่ 

พูดตรงๆตามหลักการ (เอาแบบไม่ใส่อารมณ์รำคาญคนชอบเหยียดสีผิวเลยนะคะ) ไม่มีครีมกันแดด หรือ sunscreen หรือ sunblock ที่เรียกติดปาก ยี่ห้อใดแบรนด์ไหนเลยที่สามารถช่วยให้คุณไม่ดำค่ะ ครีมกันแดด ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่า “กันแดด” การที่เราใช้ครีมกันแดด ก็เพื่อปกป้องผิวจากการทำร้ายทำลายของแสงแดด เป็นเกราะคุ้มกัน ลดผลกระทบ แต่ครีมกันแดดไม่สามารถทำหน้าที่ป้องกันไม่ให้ผิวโดนแสงแดดเลยได้ค่ะ เข้าใจนะคะเด็กๆ

ทำไมเราต้องใช้ครีมกันแดด? เชื่อว่าหลายคนคงรู้ถึงผลกระทบของแสงแดดกันอยู่แล้วเนอะ สรุปให้ฟังง่ายๆแบบได้ใจความก็คือ แสงแดดมีรังสี UV ที่เป็นตัวการทำให้เหี่ยว เกิดริ้วรอย ฝ้า และกระค่ะ และที่รุนแรงที่สุดอาจจะเป็นมะเร็งผิวหนังได้นะคะ โดยเฉพาะแดดเมื่องไทยที่ดุเอาเรื่องขนาดนี้ ยิ่งควรจะระวังมากเป็นพิเศษ ดังนั้น บางคนที่เคยพูดว่า เอ้ย..แดดหรอไม่กลัว เพราะฉันไม่กลัวดำ (โดยเฉพาะหนุ่มๆทั้งหลายที่ทำตัวกร้าวไม่ยอมสำอางค์) แดดน่ะ ไม่น่ากลัว แต่นี่น่ากลัวก็คือรังสี UV ดังนั้นขอเน้นย้ำถ้าไม่อยากเหี่ยว หรือดูแก่ก่อนวัย ทาเถอะค่ะ ครีมกันแดด

ชีวิตกลางแจ้ง แสงแดดคือตัวการทำลายความงามนะคะ

การเลือกครีมกันแดดให้เหมาะสม หลายคนสักแต่เลือกเอาอันที่มีค่า SPF (Sun Protection Factor) สูงๆเอาไว้ก่อน ปัจจุบันก็พัฒนากันไปถึง spf130 กันเลยทีเดียว แต่จริงๆแล้ว คุณขารู้กันบ้างไหมว่า ค่า spf แท้จริงนั้น คืออะไร มันคือค่าระยะเวลาในการป้องกันผิวจากการถูกไหม้จากแสงแดดของครีมกันแดดนั้นๆค่ะ อธิบายให้เข้าใจง่ายมากขึ้นคือ สมมติว่าโดยปกติทั่วไป ผิวจะเริ่มจะถูกไหม้จากแสงแดดในระยะเวลา 15 นาที ครีมกันแดดที่มีค่า spf 15 ก็จะทำให้ผิวถูกไหม้จากแดดในระยะเวลา 15x15 หรือ 225 นาที (ปกป้องเป็น 15 เท่า) ดังนั้น ถ้าเรารุ้ว่าจะต้องทำกิจกรรมกลางแจ้งเป้นระยะเวลานาน หรือออกแดดนาน การเลือกครีมกันแดดที่มี spf สูงไว้ ก้จะเพิ่มประสิทธิภาพการป้องกันให้ยาวนานขึ้นค่ะ

แล้วถ้า SPF ไม่ได้ทำหน้าที่ป้องกันรังสี UV แต่เป็นแค่ตัวบอกระยะเวลาในการป้องกัน แล้วควรเลือกจากอะไรล่ะ? การเลือกครีมกันแดด นอกจากดูค่า SPF อีกค่านึงที่ควรดูคือ ค่า PA (Protection Grade of UVA) หรือการป้องกันรังสี UVA นั่นเองค่ะ โดยค่า PA จะมีสามระดับนะคะ คือ +, ++, และ +++ ซึ่งความสามารถในการป้องกันก็จะเรียงลำดับตามความเยอะของ + เลยค่ะ สรุปง่ายๆ สำหรับผู้มีไลฟ์สไตล์ outdoor เราเน้นทุกอย่างให้เยอะเข้าไว้ เลือกครีมกันแดดครั้งหน้า เลือก PA+++ ค่ะ

รายละเอียดเรื่องความรู้เกี่ยวกับครีมกันแดด ขอไม่กล่าวมาก เพราะส่วนตัวไม่ใช่แพทย์ ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญ เป็นเพียงคนที่ศึกษาหาความรู้อ่านเองตามสไตล์ผู้หญิงที่ต้องใส่ใจดูแลความงามบ้าง ใครอยากทราบรายละเอียดไว้เป็นความรู้เพิ่มเติม แนะนำอ่านต่อ ที่นี่ นะคะ ความรู้แน่นเชียวค่ะ

ความงามของเส้นทางวิ่ง ที่ต้องแลกด้วยหน้าและตัวอันหมองคล้ำ

ร่ายมาตั้งนาน มาเข้าเรื่องกันดีกว่า ถึงเวลามาอวดมาโชว์ผลิตภัณฑ์ครีมกันแดดที่ฉันใช้เป็นประจำบ้าง ตามสไตล์ ต้องขอออกตัวก่อนว่า ที่ใช่ ที่เม้าท์นี่จากประสบการณ์ตัวเองล้วนๆ ไม่ได้อ้างอิงหลักวิทยาศาสตร์ ไสยศาตร์ใดๆเลย ซื้อเอง ลองเอง ชอบเอง ไม่ชอบเองทั้งหมด เอามาล่าเอามาแบ่งปันเพราะเห็นว่าหลายๆคนยังคงเลือกไม่ถูก และยังมีคนมาถามบ่อยๆจึงอยากแชร์เท่านั้นเอง

สำหรับการวิ่งแล้ว ปัจจัยหลักๆที่ฉันคำนึงถึงในการเลือกครีมกันแดดคือ ค่า SPF เพราะเนื่องจากจะต้องอยู่กลางแจ้งเป็นเวลานาน โดยเฉพาะบางครั้งที่ต้องวิ่งท้าแสงแดด และ ประสิทธิภาพ Waterproof หรือ very water resistant หมายถึงการหาค่า SPF หลังอยู่ในน้ำ 80 นาที  แต่  Water resistant จะหมายถึงการหาค่า SPF หลังอยู่ในน้ำ 40 นาที ซึ่งที่ต้องคำนึงถึงซึ่งนี้ก็เพราเวลาที่วิ่ง เหงื่อจะออกเยอะมาก ถ้าครีมกันแดดไม่กันน้ำ ยามเหงื่อออกก็จะหายวับไปพร้อมๆกันนะคะ

ครีมกันแดดที่ใช้อยู่ปัจจุบันมีอยู่ 4 แบรนด์หลัก 5 ชนิดด้วยกันค่ะ แบ่งเป็น 1 แบรนด์สำหรับหน้า และที่เหลือสำหรับผิวกายค่ะ ขอเล่าถึงครีมกันแดดสำหรับหน้าก่อน เพราะมีตัวเดียว ไม่มีให้เลือกเม้าท์

La Roche Posay - Anthelios XL SPF 50+ Melt-in Cream

La Roche Posay - Anthelios XL SPF 50+ Melt-in Cream

ด้วยความที่เป็นคนผิวหน้าแพ้ง่ายมาก และแห้งมาก จึงต้องพิถีพิถันในการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทุกอย่างสำหรับหน้ามากๆ ที่เลือก La Roche Posay เพราะเป็นเวชสำอางสำหรับผิวแพ้ง่าย ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ ไม่ผสมน้ำหอม ตัวนี้ที่เลือกใช้ เป็นรุ่นสำหรับผิวแห้ง ซึ่งสรรพคุณที่แบรนด์ยกเป็นจุดขายคือ เป็นทั้งครีมกันแดดพร้อมสารบำรุงผิวในตัวเนื้อครีมเจล (เค้าเคลมว่าแบบนี้ แต่จริงๆก็ครี๊มมครีม งงว่าเจลยังไงเช่นกัน)

เนื้อครีม
ออกจะหนืดๆนิดหน่อย ต้องเกลี่ยดีๆ ใช้ในปริมาณที่พอเหมาะ ไม่งั้นหน้าจะวอกมาก ใช้ในวันปกติก็จะแอบมันนิดนึง แต่สำหรับการวิ่งแล้ว ลงตัวเลย

ขณะวิ่งและหลังวิ่ง
ไม่ไหลเยิ้มเวลาเหงื่อออก หน้าไม่ดูวอกจนตลก แต่ทั้งนี้ ก็ไม่สามารถป้องกันความคล้ำที่เกิดขึ้นได้ แต่ก็ไม่หมองจนรู้สึกแย่นะคะ เพิ่มเติมอีกนิด ตัวนี้ป้องกันสูง แต่ล้างออกง่ายค่ะ ใช้สบู่หรือโฟมล้างหน้าก็หมดจดแล้ว

ปลื้มไม่ปลื้ม
ชอบแต่ยังไม่ที่สุด ถามว่าซื้อซ้ำมั๊ย คิดว่าจะมีตัวเลือกอื่นในหัวก่อน แต่ถ้าหาตัวเลือกถูกใจไม่ได้ คงซื้อซ้ำ หรือ ซื้อซ้ำเพื่อใช้สำหรับการออกกำลังกายกลางแจ้งเท่านั้น แต่จะไม่ใช้วันธรรมดาแต่งหน้าไปทำงานเพราะมันเกินไป


Cancer Council Australia
แบรนด์นี้ซื้อมาลองเพราะความน่าเชื่อถือของความเป็นผลิตภัณฑ์จากสถาบันมะเร็งแค่นั้นแหละค่ะ ไม่ได้เคยรู้จักแบรนด์หรืออะไรเลย แค่รู้สึกว่ามันดูน่าเชื่อถือดีแฮะ ประกอบกับตอนนั้นมีโปรโมชั่น 1แถม1 ที่ Tops Supermarket เลยทำให้ตัดสินใจซื้อมาลองได้ง่ายขึ้น (จริงๆนางเห็นแก่โปรโมชั่นของถูกค่ะ) แต่พอลองใช้ไป โอเคแฮะ ไม่แพ้ ไม่คัน แบรนด์นี้เคยใช้ทั้งหมด 3 ตัวค่ะ 

 
Cancer council Australia Ultra Sunscreen SPF 50 PA+++

1.   Ultra Sunscreen SPF 50 PA+++

           เนื้อครีม
เนื้อครีมตัวนี้บางเบา เกลี่ยง่ายสมกับที่เป็นรุ่น Ultra ถ้าใครไม่ชอบอะไรเหนอะๆ ทายาก แนะนำรุ่นนี้เลยค่ะ 

ขณะวิ่งและหลังวิ่ง
ตอนเหงื่อออกจะเริ่มเป็นคราบ ยิ่งเหงื่ออกเยอะก็จะเป็นคราบขาวดูน่าสะพรึงเลยทีเดียว แต่วิ่งต่อเนื่องให้เหงื่อออกไปสักพักจะเริ่มดีขึ้น คราบจะน้อยลง อาจเป็นเพราะเหงื่อเริ่มชะครีมออกไปก็เป็นได้ เมื่อตัวเริ่มแห้งผิวจะกลับสู่สภาวะปกติ ไม่เป็นขุยค่ะ

ปลื้มไม่ปลื้ม
ถ้าลดราคา 1 แถม 1 ซื้อซ้ำ แต่จะคละกับรุ่นอื่น
 
Cancer council Australia Kids Sunscreen SPF 50 PA+++
2.   Kids Sunscreen SPF 50 PA+++
ที่ซื้อตัวนี้เหตุผลคือตอนนั้นกำลังหาครีมหลอดใหม่ เพราะหลอดเดิมจะหมดและติดใจแบรนด์นี้ พอดีมีโปรโมชั่นชิ้นที่สอง 1 บาทจากวัตสัน จึงตั้งใจไปซื้อ แต่..เมื่อไปถึง รุ่นอื่นหมดจ่ะ ยืนเลือกยืนเล้งอยุ่นาน จึงตัดสินใจซื้อรุ่นเด็กน้อยมา เพราะคิดเอาเองว่า ของเด็กน่าจะอ่อนโยนกว่าสินะ ฉันแพ้ง่าย ฉันใช้ได้

           เนื้อครีม
เนื้อครีมตัวนี้เข้มข้นกว่ารุ่น ultra นิดนึง แต่ก็ยังเกลี่ยง่าย เวลาทาให้คิดภาพตัวเองเป็นเด็กน้อยที่คุณแม่จะทาครีมกันแดดให้ก่อนออกไปเล่นซน ให้โบก ให้โปะไปเต็มที่ค่ะ

ขณะวิ่งและหลังวิ่ง
ตอนเหงื่อออกจะเป็นคราบขาว แต่วิ่งต่อเนื่องให้เหงื่อออกไปสักพักจะเริ่มดีขึ้น คราบจะน้อยลง เมื่อตัวเริ่มแห้งผิวจะกลับสู่สภาวะปกติ ไม่เป็นขุย เอาเป็นว่า ไม่ต่างจากรุ่น Ultra เลย 

ปลื้มไม่ปลื้ม
ถ้าลดราคา 1 แถม 1 ซื้อซ้ำ แต่จะคละกับรุ่นอื่น
 
ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ตนะคะ

3.   Active Sunscreen SPF 50 PA+++
ตัวนี้รุ่นแรกของแบรนด์นี้ที่ลองซื้อมาให้ หมดไปนานแล้วภาพจึงไม่รวมอยู่ในคอลเลคชั่นซันบลอคของฉันตอนนี้

           เนื้อครีม
เนื้อครีมตัวนี้เข้มข้นมาก แต่ก็ยังเกลี่ยได้อยู่ ทาแล้วไม่วอก แต่จะต้องใช้เวลาในการเกลี่ยครีมนิดหนึ่งเพื่อให้ไม่เป็นคราบและเรียบเนียน ตัวจะเหนอะๆสักหน่อย ฝากเคล็ดลับคนที่ขี้รำคาญและไม่ชอบความเหนอะหนะ หลังจากทาครีมกันแดดให้ทาแป้งเด็กตามได้นะคะ ประสิทธิภาพครีมกันแดดไม่ลดลง แถมยังจะรู้สึกสบายตัวขึ้นได้เยอะค่ะ

ขณะวิ่งและหลังวิ่ง
ยามเหงื่อออกจะเป็นคราบขาว และเมื่อตัวแห้งก็จะกลับสู่สภาพปกติ อาจจะมีร่องรอยคราบเหลือนิดหน่อย แต่ก็ถือว่ายังรับได้
สรุปง่ายๆ ทั้งสามรุ่นไม่ค่อยต่างกันมาก จะต่างกันแค่เนื้อครีมค่ะ ครีมกันแดดแบรนด์นี้ล้างออกไม่ยากค่ะ อาบน้ำ ถูสบู่ แต่ตั้งใจถูเนื้อตัวสักหน่อยก็ล้างออกแล้วค่ะ ไม่จำเป็นต้องถึงขั้นขัดตัว 

ปลื้มไม่ปลื้ม
ถ้าลดราคา 1 แถม 1 ซื้อซ้ำ แต่จะคละกับรุ่นอื่น

Banana Boat Ultra Protection Sunscreen Lotion with Aloe Vera SPF80 PA+++
Banana Boat Ultra Protection Sunscreen Lotion with Aloe Vera SPF80 PA+++
แบรนด์ครีมกันแดดยอดฮิต หลายคนคิดอะไรไม่ออกก็เลือกพี่กล้วยไว้ก่อนเพราะคิดว่าชัวร์ ตัวนี้ซื้อเพราะเห็นค่า SPF ที่สูงจนน่าตกใจ (ปัจจุบันพี่แกทำสูงกว่านี้แล้ว) และที่เลือก Aloe Vera เพราะคิดเอาเองว่า มันน่าจะอ่อนโยน เนื่องจากปกติใช้แบรนด์นี้แล้วจะแอบมีอาการระคายเคือง คันยิบๆบางที จึงแอบหวังในใจว่า พี่ว่านหางจระเข้นี่หนาน่าจะสร้างความอ่อนโยนให้ฉันบ้าง หลังๆมานี้ที่ไม่ค่อยพิศวาสพี่กล้วย เพราะส่วนตัวรู้สึกว่า หลังจากใช้พี่กล้วย รุ่นสปอร์ต แล้วออกแดดจัด (ไปทะเล) จะรู้สึกว่า ตัวคล้ำมากกว่าปกติ ซึ่งเมื่อใช้แบรนด์ข้างต้นดิฉันไม่เป็น แต่ทั้งนี้ อาจจะเป็นที่ปริมาณแดดด้วย เพราะไม่ได้ใช้เปรียบเทียบให้เห็นชัดเจนถึงความต่างของสองแบรนด์ในกิจกรรมเดียวกัน จึงไม่สามารถเคลมได้ แต่..เมื่อใช้รุ่นพี่ว่านหางนี่ม่าเป็นแฮะ ไม่รู้สึกคล้ำหลังออกแดด จึงถือว่ากลับมาพอใจพี่กล้วยอีกครั้งกับรุ่นนี้

           เนื้อครีม
เนื้อครีมตัวนี้ไม่เข้นข้นเหมือนที่คิดไว้ เพราะโดยปกติของแบรนด์นี้ ถ้ายิ่ง SPF สูงจะยิ่งข้นและเหนียวมาก อาจเป็นเพราะว่าตัวนี้ไม่ใช่รุ่น sport จึงยังไม่หนืดมาก เนื้อครีมเกลี่ยง่าย บีบโปะทาได้ทั้งตัวสบาย เหนอะหนะบ้างตามประสาครีมกันแดดทั่วไป ทาแล้วจะรู้สึกตัวเงาๆ เหมือนคิดไปเองว่ามันป้องกันผิวจากแสงแดดได้โดยมีตัวเคลือบผิวให้แสงแดดสะท้อนกลับค่ะ

ขณะวิ่งและหลังวิ่ง
และเช่นเคย ก็เหมือนเดิมค่ะ ยามเหงื่อออกจะเป็นคราบขาว และเมื่อตัวแห้งก็จะหลับสู่สภาพปกติ แต่..พี่กล้วยจะล้างออกยากสักนิด เรียกว่าต้องถูสบู่สองรอบกันเลยทีเดียว ต้องใส่ใจชัดถูล้างให้ออกสักหน่อย บางทีที่ทาเยอะไป อาจจะต้องใช้ใยบวบขัดเลยทีเดียว 

ปลื้มไม่ปลื้ม
ถ้าลดราคา 1 แถม 1 ซื้อซ้ำเอา SPF สูงๆมาเก็บไว้ให้อุ่นใจเล่น

Sunplay Sunscreen Lotion SPF 130

Sunplay Sunscreen Lotion SPF 130
ตอบได้ไม่ต้องเดาว่าฉันเลือกครีมกันแดดยี่ห้อนี้มาลองเพราะอะไร เพราะตัวเลข SPF อลังการอันน่าตกใจ จึงอยากรู้ว่ามันจะปกป้องอะไรได้เยอะแยะขนาดนั้น

           เนื้อครีม
เนื้อครีมตัวนี้เหลวเป็นน้ำนมมาก ทาง่าย เกลี่ยง่ายมาก เมื่อทาแล้วจะแห้งซึมลงสู่ผิวเร็วมาก ถ้าใครไม่ชอบอะไรที่เหนอะหนะ แนะนำตัวนี้เลยค่ะ แต่...คุณเคยรู้กันไหมค่ะว่า เนื้อครีมที่เหลวมาก นั่นแปลว่ามีส่วนผสมแอลกอฮอล์ ซึ่งทำหน้าที่ที่เป็นสารทำละลายอยู่เยอะ และแอลกอฮอล์นี่เองที่ทำให้ผิวแห้ง และบางคน (อย่างฉัน) อาจจะแพ้ได้นะคะ

ขณะวิ่งและหลังวิ่ง
ตัวนี้เช่นกัน ทาแล้วจะรู้สึกตัวเงาๆ เหมือนมีตัวเคลือบผิวให้แสงแดดสะท้อนกลับค่ะ แต่ก็เหมือนเคย เหงื่อออกแล้วเยิ้ม เป็นคราบ ตัวนี้คราบชัดเจนมาก และที่โหดร้ายที่สุดคือ จากทุกแบรนด์ที่ใช้มา ตัวนี้ล้างยากสุด ถูสบู่สองรอบไม่ออก ต้องใช้ใยบวบขัด ..ก็ยังออกไม่หมดดี อาบน้ำตอนเย็นอีกครั้งนั่นแหละค่ะ จึงรู้สึกว่าสะอาดจริง

ปลื้มไม่ปลื้ม
ไม่ซื้อค่ะ แอลกอฮอล์เยอะไป ล้างออกยากมากด้วย

เผื่อใครคิดไม่ออก คราบขาวคือยังไง ลองเพ่งตามภาพนี้เลยค่ะ (อาจจะมองยากสักหน่อยเพราะขนบัง)
สภาพนี้เป็นผิวหลังการวิ่งในวันที่ทา Sunplay นะคะ แต่ละแบรนด์คราบไม่ต่างกันมากค่ะ

นอกจากบรรดาครีมกันแดดที่เลือกสรรมาประโคมแล้ว หลังการออกแดดผิวมักจะแสบมาก แม้ตัวสวยจะไม่แย่ถึงขั้นเบิร์น หรือผิวไหม้แดดจนลอก หรือเป็นรอยด่างก็ตาม แต่มันรู้สึกได้เลยว่า ตัวจะร้อน ผิวจะแสบและบางมาก แต่ก็ไม่เคยใช้ after sun lotion ใดๆเลยมาทั้งชีวิต จนไปเจอเจ้า Aloe Fresh ของ Vaseline ตัวนี้ที่ฮ่องกงเลยลองซื้อมาใช้ดู จริงๆแล้วตัวนี้ไม่ใช่ after sun นะคะ แต่ด้วยคุณสมบัติของว่านหางจระเข้ ฉันคิดว่ามันก็คือๆกัน หลังออกแดด อาบน้ำให้สะอาดแล้วทาตัวนี้ตาม รู้สึกเลยว่ามันเย็นๆผิว ช่วยลดความร้อนของผิวลงได้มาก สำหรับใครที่มีปัญหาผิวไหม้แดด แนะนำให้ซื้อพวก aloe vera หรือเจลว่านหางจระเข้แบบนี้มาใช้ดูค่ะ ไม่จำเป็นต้องเป็นแบรนด์นี้นะ ในซูเปอร์มาร์เก็ต หรือ บูทส์ (ถูกด้วย 100 กว่าบาทเอง) หรือ วัตสันก็มีค่ะ

Vaseline Total Moisture Aloe Fresh

สรุปสุดท้าย ไม่สามารถตอบได้ว่าตัวไหนดีที่สุดหรือแนะนำให้ใช้อันไหน ให้พูดตรงๆคือส่วนตัวยังไม่รู้เลยว่าชอบอันไหนที่สุด หรือตัวดีนี้เว่อร์ที่สุด แนะนำว่าควรลอง ลองผิดลองถูก แต่ละคนถูกจริตกับของที่ไม่เหมือนกัน อย่างไรก็ดี แนะนำให้ใช้นะคะ แม้จะคิดว่า ไม่เป็นไร ออกไปแปบเดียว แต่รังสีเป็นสิ่งที่เรามองไม่เห็น มันสามารถทำร้ายเราได้ตลอดเวลาโดยที่เราไม่รู้ตัวค่ะ แล้วจะหาว่าสวยไม่เตือน

ฝากไว้เป็นเคล็ดลับทิ้งท้าย ในเมื่อชีวิตเอ้าท์ดอร์มันเลี่ยงแสงแดดไม่ได้ เราก็ควรจะต้องประทินผิวมากกว่าบุคคลทั่วไปกันสักหน่อย นอกจากครีมกันแดดแล้ว การขัดผิว จะด้วยผลิตภัณฑ์ใดก็ตาม แต่ฉันเลือกครีมมะขาม ขัดๆถูกๆหมักๆตัวเอาไว้สักสัปดาห์ละสองครั้งก็พอช่วยได้ (มังคะ อย่างน้อยก็ช่วยได้ทางจิตใจ) ที่สำคัญ..อย่าลืมทาโลชั่น มอยซ์เจอร์ไรเซอร์บำรุงผิวหลังออกแดดทุกครั้ง และจะยิ่งดี ถ้าทาเป็นประจำ อย่างน้อยก็ทุกครั้งหลังอาบน้ำนะคะ 

เมื่อมีไลฟ์สไตล์ทำร้ายผิวแล้ว ก็ดูแลมันกันสักหน่อย จะได้มาเป็นนักกีฬาสวยผ่องให้งามน่าจับตา..เนอะ

(ข้อมูลเกี่ยวกับครีมกันแดดอ้างอิงบางส่วนจาก Sanook)

Monday, July 22, 2013

[Race Diary] King’s Cup Pattaya Marathon - 21.07.13



พัทยา มาราธอน.. เจ็บ แต่ จบ

ความสำเร็จของฮาล์ฟสนามที่ 5
หลังจากสนามสุดท้ายคือ SuperSport 10 miles ถ้าว่ากันตามหลักการ งานนี้น่าจะฟิตมากเพราะห่างสนามมาพักใหญ่ (1 เดือนพักใหญ่แล้ว) พัทยา มาราธอน งานนี้พลาดไม่ได้ เป็นหนึ่งในลิสงานวิ่งอันดับต้นๆที่บอกตัวเองว่า จะต้องไม่พลาด จะต้องไปวิ่ง แม้จะเคยได้ยินเสียงลือเสียงเล่าอ้างมาตลอดว่า สนามนี้โหด แต่ก็ไม่หวั่น ด้วยความที่คุ้นชินจากการใช้ชีวิตสมัยเป็นเด็กอินเตอร์พัทยา เลยพาลคิดว่าจะมีอะไรหนักหนา(วะ) ฉันชินกับเส้นทางในพัทยาจะตาย ต่อให้หลับตายังขับรถถูกเล๊ย (นางโม้สุดๆ) ทางมันไม่มีอะไรอยู่แล้ว สบ๊ายยย..แหนะ เห็นมั๊ย บอกแล้ว นางย่ามใจมาก


ขณะดามเข่า

ด้วยความที่บาดเจ็บสาหัส กับอาการ (ที่หมอบอกว่า) เส้นเอ็นที่หัวเข่าตึง อักเสบมากจากงานวิ่งซูเปอร์สปอร์ตจนต้องดามเข่าอยู่ 1 สัปดาห์ งดวิ่ง และแกะออกเนื่องจากต้องไปต่างประเทศ จากนั้นก็วิ่งก๊อง แก๊งมาเรื่อยๆ ไม่เจ็บก็วิ่ง เจ็บก็หยุดแล้วกินยา สลับไปมาแบบนี้จนหมดยาแก้อักเสบไปสามแผง อาทิตย์สุดท้ายก่อนพัทยา มาราธอน นางทำซ่า เห็นว่าตัวเองอาการเริ่มดี จึงไปจัดวิ่งยาวๆวัดได้ 15 กิโล ต่อด้วยงานเรนโบว์รัน และหลังจากนั้น ช็อตสนิทต่อไม่ติดกันเลยทีเดียว เจ็บ..จนแทบวิ่งไม่ได้เลยก่อนวันงาน


นักวิ่งพรอพน้อย

ศุกร์ เสาร์ ก่อนวิ่ง อาการยังมา เจ็บ แต่บอกตัวเองว่าสู้น่ะ อย่าไปโฟกัสที่มันเจ็บ มันก็จะไม่เจ็บ (ไม่แนะนำให้ทุกคนดื้อนะฮะ) งานนี้เลยมาแบบไม่ตั้งความหวัง คิดเอาไว้ว่า 2.30-2.45 ชม. ขอเท่านี้ละกัน สนามนี้เหมือนจะเตรียมตัวพร้อม แต่ก็ไม่พร้อมยังไงก็ไม่รู้ กว่าจะฝ่าฟันไปถึงพัทยาก็เย็นแล้ว ฝนตก รถติด วุ่นวายมาก ไปรับเบอร์เรียบร้อย เดินชอปปิ้งเลียบชายหาดก็แทบจะหมดเวลาสนุกแล้ว  วันเสาร์รู้สึกว่ากินไม่อิ่ม กินน้อย (น้อยสำหรับการเป็นมื้อก่อนวิ่งของฉัน) มื้อเย็นก็ไม่ได้กิน และก็ไม่ลืมคุยกับพี่ลีโอขอพลังสำหรับการวิ่งในวันพรุ่งนี้ เข้านอนสี่ทุ่มพอดีเป๊ะ ตั้งนาฬิกาปลุกไว้ตีสาม..พร้อมมาก
อาหารเช้าที่จัดเต็มจนทำให้พะอืดพะอมตลอดทาง

ตีสามเป๊ะ ลืมตา อาบน้ำ (ทุกครั้งที่ลงสนามจะอาบน้ำสระผมก่อนไปวิ่งเพื่อให้ตัวเองตื่นเต็มที่) แต่งตัว ทาเคาน์เตอร์เพลน คูลที่เข่า ตามด้วยฉีดสเปรย์ Perskindol ก่อนใส่ที่รัดเข่า และสวมกางเกงวิ่ง กระซิบกับคุณเข่าเบาๆ ขอนะวันนี้ เจ็บได้แต่ขอให้เจ็บหลังวิ่งนะจ๊ะ ครั้งนี้เป็นการวิ่งที่จัดมื้อเช้าเต็มมาก ไม่เคยตื่นมาแล้วกินได้เยอะก่อนวิ่งแบบนี้มาก่อน สงสัยเป็นผลจากการไม่ได้ทานมื้อเย็น จัดไปทั้งนมช็อคโกแลต กล้วยน้ำว้า (ไม่สุกเพราะป้าคนขายหลอก) 2 ลูก โดนัท 1 ชิ้น และนมถั่วเหลือแบบจืดสองอึก เรียกว่า กินโหลดได้ระยะมาราธอนมากนะจ๊ะ

เดินออกจากโรงแรม เริ่มรู้สึกถึงความคึกคักเพราะที่พักใกล้จุดปล่อยตัวมาก (Sea Me SpringToo พัทยาซอย 10) วิ่งวอร์มวนไปมาหน้าโรงแรม และวิ่งจากโรงแรมด๊องแด๊งมาถึงบริเวณงาน มาถึงที่งานประมาณ 4.30 น. ทำเวลาได้ดี มีเวลายืดเหยียดนิดหน่อย เพราะมัวแต่เม้าท์และถ่ายรูป ณ เวลานั้น รู้สึกคึกแล้ว เอ็นโดรฟินเริ่มมา พร้อม อยากวิ่ง ลืมความเจ็บไปชั่วขณะ จนถึงเวลาปล่อยตัว พยายามเรียกสมาธิให้ตัวเอง ห่างสนามไปพักใหญ่ ไม่ค่อยคุ้นชิน สุดหายใจลึกๆ และพาตัวเองวิ่งไปตามเสียงสัญญาณปล่อยตัว

ก่อนปล่อยตัว หล่อนเฟรช และฟิต คึกคักมาก
 
1 กม.ก็เริ่มเหนื่อย เหนื่อยเร็วมาก แต่ก็ยังพยายามรักษาจังหวะการวิ่งของตัวเองอยู่ ฟังพี่แอพบอกว่า pace อยู่ที่ 6.09 กำลังดี เลยตั้งสติว่าจะต้องรักษาระดับนี้ไปให้ได้ตลอดทาง แต่นางมารในใจอีกตัวก็โผล่มาบอกว่า เอ้ยเธอ..มันเร็วไปละ เธอเจ็บนะ ผ่อนหน่อยมั๊ย สู้รบในหัวกันไปมา มารกับนางฟ้าผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะ วิ่งมาถึง กม.ที่ 2 เนินโรงแรมอะมารี เอาแล้วเว้ย เนินมันมาแล้ว เนินแรกของสนามก็ท้อใจแล้ว เหนื่อย ความร้อนเริ่มปะทุ เหงื่อออกเยอะมาก แข็งใจ แข็งใจ ถึงจุดแจกน้ำแรกก็ต้องสะพรึง เมื่อไม่มีแก้วน้ำแต่ใช้วิธีเจาะถุงให้เอามือรองรับน้ำ บอกตรงๆตอนนี้อารมณ์เสีย รับไม่ได้มากๆ จัดงานยังไงเพิ่งปล่อยตัวมาแค่ 15 นาทีแก้วหมด ได้น้ำมาแค่ลูบปาก พาลคิดว่าถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้ตลอดเส้นทางจะทำยังไงวะ ฮึ่ย!

วิ่งออกมาถึงถนนสุขุมวิท การวัดใจก็เริ่มต้นขึ้น เส้นทางวิ่งพัทยาเป็นเนินขึ้นลงตลอดทาง ปกติที่ขับรถเราอาจจะไม่ได้สังเกตเอะใจกัน แต่เมื่อคุณก้าวเท้าวิ่ง จะเห็นได้ชัดว่า มันเป็นเนินจริงๆเว้ยเฮ้ย เส้นทางพัทยาเหนือ พัทยากลาง พัทยาใต้ เทพประสิทธิ์ วัดบุญฯ เนินขึ้น เนินลงตลอดทุกทางแยก แต่ แต่..พิษอาหารเช้าเริ่มออก โดนัทพะอืดพะอมมากขึ้นมาจุกที่คอ ลังเลอยู่หลายทีว่าจะแวะเอาออกดีมั๊ย แต่ก็ตัดใจเอาวะ วิ่งไป วิ่งไป 10 โลแรกทำได้ดีมาก ช่วงใกล้จุดกลับตัวเริ่มเจอพี่ๆที่รู้จัก ทักทายกัน เลยทำให้มีกำลังใจขึ้นมานิดนึง ตอนกลับตัวบอกเลยว่าสวยมาก วิ่งสวนหลายๆคนทักทายสนุกสนาน แอบยิ้มกริ่ม แหม่..แซงหน้าหลายคนเลยเว้ย


ทะเลที่มองเห็นขณะหัวใจเต้นแรง

แต่แล้วพอเลี้ยวเข้าซอยวัดบุญฯก็เกิดอาการปีศาจทุกอย่างหมดลงจนน่าตกใจ ขาก้าวไม่ออก งอแงไม่อยากวิ่งแล้ว เริ่มเกิดอาการเจ็บเข่ามากขึ้นเรื่อยๆจากการขึ้นเนินลงเนิน แวะเดิน 200ม. ตอนกิโลที่ 12 บีบเจลเข้าปาก เพราะสำหรับตัวเองคิดว่ากินในโลที่ 15 มันออกฤทธิ์ช้าไป จากนั้นวิ่งช้าลงอย่างรู้สึกได้ชัดตลอดเส้นทางเลียบหาดจอมเทียน พยายามจะบอกตัวเองว่าให้ดื่มด่ำกับวิวทะเล พยายามหาคนเกาะ พยายามหาคนแข่งเพื่อให้ตัวเองไม่หยุด แต่..ไม่ไหวว่ะ ฮา..จนมาถึงโค้งออกหาดจอมเทียน มุ่งหน้าถนนพระตำหนัก นางเดินค่ะ เดินแบบจริงจัง ยอมให้ทุกคนล่วงหน้าไปเลย ณ ตอนนั้นขอเก็บแรงไปใช้ทางเรียบ สู้กับเนินไม่ไหวแล้วจริงๆ ช่วงกิโลที่ 15 ที่เป็นทางขึ้นเนินยาว เกิดอาการตะคริวขึ้นต้นขา ขึ้นเป็นก้อนที่ต้นขาเหนือเข่าซ้ายด้านใน เจ็บมาก แต่รู้ว่าหยุดไม่ได้ ถ้าหยุด จะวิ่งต่ออีกไม่ได้แน่ๆ บอกตัวเองว่า วิ่ง วิ่ง วิ่ง อย่าหยุด ทำตัวเป็นสาวคิดบวก ตะคริวก็ดี จะได้ลืมว่าเข่าเจ็บเพราะเจ็บตะคริวแทน (นั่น..ยังเริงรมย์) จนมาถึงโลที่ 16 หยุดเดินเข้าหาเสาไฟ ยกขาพาดเสา แวะยืดกำจัดตะคริวอยู่พักใหญ่ คาดว่าภาพผู้หญิงตะกายเสาไฟน่าจะเป็นภาพที่ตราตรึงเหล่านักวิ่งไม่น้อย 

สภาพก่อนเข้าเส้นชัย พูดได้เลยว่า "ดูไม่ได้"

กิโลที่ 17 เป็นทางลาดลง ตะคริวยังคงอยู่ แต่แรงเริ่มมาเลยพยายามใช้ช่วงเวลาแรงมาให้มากที่สุด วิ่งไป วิ่งไป เจอเนินสุดท้ายก่อนลงแหลมบาลีฮาย ตัดสินใจเดินอีกครั้ง ด้วยข้ออ้างที่ว่า เจ็บไปกว่านี้ไม่คุ้มแล้ว เข้า walking street 1 กิโลสุดท้าย ตอนนั้นหมดจนไม่เหลือแล้ว แต่ก็ยังแข็งใจว่าอีกนิดเดียวเท่านั้นนะบิ๋ม อีกนิดเดียว จิกมือ กำมือบอกตัวเองว่าเอาให้ถึง กรีดร้องสบถเบาๆตลอดเส้นทางจนเข้าถึงเส้นชัย เงยหน้าขึ้นไปมอง 2.20 ผิดหวังเล็กๆ แต่ก็บอกตัวเองทำได้ดีแล้ว

สรุปสุดท้าย ฮาล์ฟมาราธอน สนามพัทยา มาราธอน 2013 จบลงที่ 21.6 กิโล (แถมให้ซะเยอะเลยนะคะพี่) กับเวลา 2.20.00 (เป๊ะมาก) ได้อันดับที่ 18 ของรุ่น F20-29 เหนื่อยมาก เหนื่อย จำได้เลยว่าตอนเข้าเส้นชัยยืนรอให้น้องๆตัด chip หาใจแรงมาก หอบจนเห็นหลายคนมองด้วยความเป็นห่วง เดินออกมาเจอพี่ๆที่เคารพก็ต่างพากันทักว่า “ไหวมั๊ย” 

เจ็บ แต่ จบ เย่!

พัทยามาราธอน เส้นทางโหดสมคำร่ำลือจริงๆ ถ้าไม่เจ็บ จะทำได้ดีกว่านี้ ถ้าไม่ป๊อด ไม่งอแง ก็จะทำได้ดีกว่านี้ คราวนี้พะวงเรื่องบาดเจ็บมากเกินไป (ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ถูกแล้ว) ใจเลยไม่สู้จริงๆ พอกลับเข้าโรงแรม พี่เข่าส่งเสียงโวยวายกันเลยทีเดียว เจ็บช็อต จี๊ด บรรยายไม่ถูก กลับมาสภาพเดิมแบบที่เดินแทบไม่ได้ รีบจัดการประคบเย็น ทายา และพันเข่าโดยด่วน เรียกว่างานนี้ให้สามคำเลย “เจ็บ แต่ จบ” หรือ “จบ แต่ เจ็บ” ดีนะ 


ระหว่างทางที่เดินกลับโรงแรม เจอเหล่าผู้กล้านักวิ่งมาราธอนยังคงทะยอยเดินเข้าเส้นชัย เป็นภาพที่รู้สึกตราตรึงและประทับใจในหัวใจของนักวิ่งมาราธอนทุกคนมากๆ พวกคุณคือผู้ชนะทุกคนจริงๆ เรายังหมดสภาพถึงเพียงนี้ แต่พวกคุณยังดูยิ้ม และดูมีความสุขกันมาก พวกคุณสุดยอดจริงๆ.. ..แล้วปีหน้าเจอกันใหม่แน่ๆ เจ้าพัทยา มาราธอน