คิดมาพักใหญ่แล้วค่ะ
ว่าอยากได้รองเท้าเบาๆไว้สำหรับแข่งสักคู่หนึ่ง แต่ก็ยังลังเลชั่งใจหนักเพราะส่วนตัวก็มองว่ามันไม่ได้จำเป็น
เราไม่ใช่นักกีฬา ไม่มีความจำเป็นใดๆเลยที่จะต้องเสียเงินซื้อรองเท้าเพื่อใส่สำหรับแข่ง
ลำพังรองเท้าที่ใส่วิ่งทุกวัน มันก็พาเราไปวิ่งแข่งมาได้หลายสนาม ดังนั้น
จะซื้อทำไมไอรองเท้าวิ่ง
แต่กิเลสก็เพิ่มขึ้นทุกวันกับการมองหารองเท้าพื้นบางสักคู่
เนื่องด้วยความตั้งใจที่อยากปรับเปลี่ยนท่าวิ่ง ด้วยการลง mid foot แทนที่ลงส้นเท้าอย่างที่เคยๆมา ซึ่งการจะปรับท่าวิ่งนี้
รองเท้าวิ่งเดิมที่ใช้อยู่ทุกวัน Asics GEL Kayano 18 ไม่สามารถทำได้
เพราะด้วยการออกแบบของรองเท้าที่มีการรองรับการกระแทกที่ดีแล้วนั้น ประมาณนั้น
เดิมทีก็ได้เล็งรองเท้าพื้นบาง
หรือรองเท้าแบบ minimalist ที่เค้าเรียกกันนั้นไว้หลากหลายคู่
ที่มาวินเข้ามาใน wish list ก็มี Asics Tarther, NewBalance Minimus และ Mizuno Wave Ronin5 และ WaveSpacerAR4 ทำไมถึงเลือกมาเท่านี้ เอาตรงๆตอบแบบผู้หญิ๊ง ผู้หญิง
เลือกจากรูปลักษณ์ที่ถูกใจอย่างเดียวเลยค่ะ ที่ short list มานี่ใช้
passion ล้วนๆ แต่ท้ายที่สุด ก็จบลงที่ Mizuno WaveSpacer AR4 ค่ะ เพราอะไร? ตอบได้ไม่ยาก เพราะคุณสมบัติผ่าน หน้าตาสวยถูกใจและราคารับได้ค่ะ
(สู่ขอมาในราคา 3,180 บาท จากราคาเต็ม 5,300 บาทค่ะ ด้วยความอุปถัมภ์เรื่องส่วนลดจากคุณครูที่เคารพค่ะ)..ตัดสินใจง่ายดีไหม..
และแล้วสวยก็มีเนื้อคู่ใหม่ ที่ขอให้สมญานางว่า ‘พิ้งกี้’
เนื้อคู่ล่าสุดที่ไปสู่ขอมาค่ะ "น้องพิ้งกี้" |
ข้อจำกัดของการใช้รองเท้าพื้นบาง
หรือรองเท้าที่ออกแบบมาเพื่อให้เหมาะกับการใช้แข่งนั้น คือ ไม่ควรใช้เป็นรองเท้าที่ใส่ซ้อมทุกวันค่ะ
ควรจะนำมาใส่ซ้อม สัก 2-3 วันก่อนการแข่งเพื่อให้ชินเท้าเท่านั้น
เนื่องด้วยตัวรองเท้ารับแรงกระแทกได้น้อย หากใส่วิ่งทุกวันอาจทำให้เกิดอาการบาดเจ็บได้
อีกอย่าง รองเท้าประเภทนี้มีอายุการใช้งานที่สั้นกว่าค่ะ หากใส่บ่อยๆ เกรงว่าอาจจะพังเร็ว
คนหวงของอย่างฉัน (จริงๆงกค่ะ) เลยเลือกที่จะไม่ใส่บ่อยนะคะ ฝากเอาไว้อีกครั้ง..รีวิวนี้
เป็นความเห็นส่วนตัวล้วนๆ ที่ทำการรีวิวในแบบฉบับของผู้หญิงที่วิ่ง แต่ไม่ได้มีความรู้อะไรเยอะแยะมากมาย
แค่เม้าท์มอยตามประสบการณ์ตรงที่ตัวเองได้ลองและได้สัมผัสนะคะ
‘ความรู้สึกแรก’
วันแรกที่ได้นางมาก็เห่อตามระเบียบ
แกะกล่องปุ๊บ เอาไปใส่วิ่งเล่นปั๊บเลยค่ะ
แม้จะไม่ใช่ครั้งแรกที่เท้าได้ลองสวมเข้าไปในตัวรองเท้า
เพราะได้ลองมาตั้งแต่ตอนซื้อแล้ว รู้สึกว่า มันบาง และเบามาก
ไม่รู้สึกอึดอัดแน่นเท้า เหมือนรองเท้าทั้งสองรุ่นที่มีในครอบครอง (Asics GEL Kayano 18 และ
New Balance 580v2) รู้สึกได้เลยว่า
นี่สินะความรู้สึกของรองเท้าไร้ cushioning เท้ามันรู้สึกอิสระมาก
อยากจะกระดิกเท้าในรองเท้าก็ทำได้สบาย มันไม่มีอะไรมาเป็นกรอบควบคุมเท้าเลยจริงๆ
ซึ่งมันเป็นความรู้สึกพิเศษที่ทำให้ประทับใจมากๆ
ครั้งแรกของการสัมผัสโลกกว้าง |
มีหมายเหตุนิดนึงว่า
วันแรกที่ได้รองเท้ามานั้น
ยังเป็นช่วงที่สวยบาดเจ็บชอกช้ำอยู่กับอาการที่หัวเข่าซ้ายที่ยืดยาวมากว่าเดือนนะคะ
และนับตั้งแต่วันแรกที่ได้ลองใช้รองเท้าคู่นี้ มาจนถึงวันที่เขียนรีวิวก็เกือบ 1
เดือนพอดีค่ะ ดังนั้นการรีวิวนี้เป็นการรีวิวในขณะที่ยังบาดเจ็บ
และจนถึงวันที่หายนะคะ
ครั้งแรกที่พาพิ้งกี้ไปโลดแล่นบนพื้นถนน
อืม..มันบางจริงๆ ครั้งแรกที่ลองใส่ออกวิ่ง..เฮ้ยย มันเบาไป๊
เบาเหมือนไม่ใส่รองเท้าเลย ไม่ได้เว่อร์นะคะ มันรู้สึกแบบนั้นจริงๆ บางคนอาจจะบอกว่า
มันมีรองเท้าที่เบากว่านี้อีก ถูกต้องค่ะ มันมี แต่โดยส่วนตัว
รุ่นนี้คือรองเท้าที่เบาที่สุดที่เคยใส่มา ดังนั้น สวยรู้สึกวิเศษมากค่ะ
ครั้งแรกที่ได้วิ่งกับ Wave Spacer AR4 มันปลิวตัวลอยมาก
แต่ก็พยายามเรียกสติกลับมาเพราะเกรงว่าจะบาดเจ็บหากไม่ประมาณตนและมัวแต่สนุกกับความเบา
‘พิ้งกี้กับการลงสนาม’
หลังจากได้รองเท้ามาไม่กี่วัน
ก็พาเนื้อคู่ใหม่ไปลงสนามค่ะ สนามแรกที่พาไปออกงาน คือ Bangkok Post Int’l10km Run ค่ะ แม้จะเป็นการใส่ลงสนามครั้งแรก แต่ไม่มีปัญหาใดๆเลย
ไม่ทำให้อาการบาดเจ็บแย่ลง แต่โดยส่วนตัว กลับรู้สึกว่า
รองเท้าทำให้การลงทำให้ดีขึ้น เพราะเท้าเป็นอิสระมากขึ้น เบาขึ้น วิ่งได้ฉิวมาก
กับผองเพื่อนเมื่อครั้งลงสนามครั้งแรก |
‘การวิ่งระยะไกล’
ได้พาพิ้งกี้ไปใส่วิ่งในระยะฮาล์ฟมาราธอนเป็นครั้งแรก
กับงาน 12 August Half Marathon ซึ่งงานนี้ Wave Spacer AR4 พิสูจน์ให้รู้สึกได้อย่างชัดเจนเลยว่า รองเท้าที่ดี
ทำให้การวิ่งระยะไกลสนุกขึ้นจริงๆ เพราะปกติสำหรับการวิ่งระยะฮาล์ฟนี้กับรองเท้าสองคู่ที่ผ่านมา
จะเกิดอาการร้อนเท้ามาก สักโลที่ 15 เป็นต้นไปจะรู้สึกไม่สบายเท้าแล้ว เท้าหนัก
แต่อาการเหล่านั้นไม่เกิดกับรองเท้าคู่นี้เลย พิ้งกี้ทำหน้าที่ระบายความร้อนได้ดีมากค่ะ
สวยยังคงวิ่งได้ฉิว แม้จะรู้สึกเหนื่อย
แต่ยังคงรู้สึกสบายเท้าอยู่มาก หรือพูดง่ายๆคือ ที่เหนื่อยเพราะร่างกายมันเหนื่อยจากการวิ่ง
แต่รองเท้าไม่ได้เป็นตัวเพิ่มความเหนื่อย ไม่ได้เพิ่มภาระให้เลยจริงๆ รวมถึงตัวรองเท้าที่นิ่ม
และบาง ทำให้สามารถขยายตัวตามเท้าที่ขยายขึ้นจากการวิ่งมาเป็นระยะเวลาหนึ่งได้ดีด้วยค่ะ
‘เนื้อคู่ที่ตามหา’
รองเท้าคู่นี้เป็นรองเท้าที่กลับบ้านบอกแม่เลยค่ะ
ว่า ‘มันใช่เลย มันคือรองเท้าที่ตามหามานาน’ อาจไม่สามารถพูดได้ว่า
มันเป็นคู่แท้ที่ใช่ที่สุด เพราะอย่างไรก็คงจะต้องเปลี่ยนรองเท้าวิ่งอีกไม่วันใดก็วันหนึ่ง
แต่ ณ ตอนนี้ บอกได้เต็มปากเลยว่า Mizuno Wave Spacer AR4 เป็นรองเท้าที่ไม่รู้สึกเสียดายที่ตัดสินใจซื้อเลยจริงๆ
(ซึ่งความรู้สึกเสียดายเงิน เคยเกิดขึ้นกับ Kayano 18 ค่ะ)
‘Wave Spacer AR4
เหมาะกับใคร’
ถ้าคุณกำลังมองหารองเท้าน้ำหนักเบาสักคู่
และไม่ต้องการรองเท้าที่ออกแบบเพื่อรองรับการกระแทกอะไรมากมาย
หรือไม่ได้ต้องการรองเท้าที่ได้รับการคิดค้นให้ใความพิเศษพิศดารอวกาศด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัยที่สุดท้ายทำหน้าที่แค่บวกราคาให้มันแพงขึ้น
เชื่อว่ารองเท้ารุ่นนี้ตอบโจทย์ค่ะ
จับมาแปลงโฉมสักหน่อย ชมพู-เหลือง โดดเด่นขึ้นเป็นกอง อย่างนี้ถึงสมกับการเป็นรองเท้าเนื้อคู่ของผู้หญิงอย่างฉัน |
สำหรับนักวิ่งหน้าใหม่
ที่ยังไม่มั่นใจว่าตัวเองวิ่งถูกวิธีหรือไม่ หรือยังกลัวการบาดเจ็บอยู่
ไม่แนะนำนะคะ อย่างที่เกริ่นไปแต่ต้นว่า รองเท้าลักษณะนี้ไม่แนะนำให้ใช้เป็นรองเท้าวิ่งประจำ
ถ้านำมาสลับใช้แม้ไม่ได้ลงแข่งก็พอไหวอยู่ค่ะ แต่เอนนี่เวย์..ส่วนตัวคิดว่า
การเริ่มวิ่งจากรองเท้าพื้นระดับกลาง ค่อนไปทางบางแบบนี้
จะช่วยให้สามารถฝึกการลงเท้าได้อย่างอิสระ และถูกวิธีมากกว่าค่ะ
(ความเห็นส่วนตัวนะคะ ถูกผิดหลักการหรือไม่ ไม่ทราบค่ะ)
ถ้าถามว่า
ในยามที่พิ้งกี้หมดอายุขัย Mizuno Wave Spacer จะยังเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆอยู่หรือไม่
ยืดอกตอบอย่างมั่นใจ “ซื้ออีกแน่นอนค่ะ!” อ้อ...และรักครั้งนี้ ทำให้เชื่อแล้วว่า รองเท้าวิ่ง Mizuno ดีจริงสมคำร่ำลือจ่ะ