Wednesday, January 11, 2017

[Foot Fit Journey] จัดกระเป๋าไป Everest Base Camp: ep:02 เอาอะไรใส่กระเป๋า

เชื่อว่าเรื่องนี้เป็นคำถามโลกแตกสำหรับทุกคนที่กำลังจะไป trekking เป็นครั้งแรก และจะยิ่งงงมากสำหรับการไป trek ครั้งแรกในที่ๆเรานึกภาพไม่ออกมาก่อนเลยว่าชีวิตตลอดการเดินทางจะเป็นอย่างๆไร ไหนจะต้องเตรียมข้าวของไปให้ครบ แต่ก็ต้องจำกัดปริมาณและน้ำหนัก ที่สำคัญเลยคือ สัมภาระทุกย่างที่เราเลือกเอาใส่กระเป๋าติดตัวไปเดินทางด้วยจะต้องไม่กลายเป็น ภาระของเราทีหลัง

เราไม่เคยไป trekking มาก่อนเลยในชีวิต (โอเค..การเดินขึ้นภูสอยดาวเราจะไม่นับว่ามันเป็นการ Trekking) และการตัดสินใจไป trekking ที่ Everest Base Camp ในครั้งนี้เป็นทั้งการไปเนปาลครั้งแรกของเรา และยังเป็นการ trekking ระยะไกลของเราอีกด้วย ที่สำคัญคือ .. เราไปคนเดียว การจะหวังของขาดแล้วพึ่งใครคงเป็นไปได้ยาก ดังนั้นความงงในการจัดกระเป๋าของเราจึงมีอยู่มาก พยายามหาข้อมูลลอกเลียนแบบคนที่เคยไปมาแล้วให้มากที่สุด ซึ่งหลายๆคนก็จะเตรียมของในลิสต์ที่ใกล้เคียงกันนะ แต่อย่างว่า ไลฟ์สไตล์ และวิถีของคนเราไม่เหมือนกัน ดังนั้นจึงต้องมีการปรับ มาลิสต์จนสุดท้ายกลายเป็นลิสต์ของตัวเราเอง ซึ่งเราจะขอเล่าว่าเราเอาอะไรไปบ้าง  และจะเม้าท์ให้ฟังด้วยว่าอะไรที่เอาไปแล้วมันโคตรไร้ประโยชน์


แกแบกอะไรไปเยอะแยะ!

ด้วยความที่เป็นผู้หญิงที่มีนิสัยเผื่อจนเป็นความเคยชิน เวลาจัดกระเป๋าเดินทางทุกครั้ง เรามักจะโยนของที่คิดว่า “มันน่าจะจำเป็น” หรือ “มันน่าจะได้ใช้น่ะ” ใส่กระเป๋าเสมอ แต่ทริปแบบนี้มันเผื่อไม่ได้ไง (แต่อีนี่ก็เผื่อไปเยอะเลยนะแก) พยายามเป็นผู้หญิงแพคไลท์ เพราะตั้งใจจะไม่ให้น้ำหนักกระเป๋าเกิน 15 กก. เพราะแม้จะมีลูกหาบ แต่เราต้องมั่นใจว่าในเวลาที่ไม่มีลูกหาบ เราสามารถรับผิดชอบตัวเราเองได้อย่างไม่ต้องไปรบกวนใคร


อะไรอยู่นกระเป๋า

ทริปของเราเกิดขึ้นช่วงปลายเดือนธันวาคม ดังนั้นแน่นอนว่ามันต้องหนาว เท่าที่สอบถามทางเอเจ้นท์ได้ความว่าหนาวแต่ไม่ได้หนาวมากนะเธอ คือทางนั้นตอบมาแบบอากาศเย็นชิวๆ แต่เราเป็นผู้หญิงที่ราบลุ่ม ใต้เส้นศูนย์สูตรไง เย็นของเขา มันอาจจะหนาวสุดขั้วของเรา ดังนั้นสิ่งที่กังวลมากที่สุดของทริปนี้คือ อุปกรณ์กันหนาว และบวกกับการไม่เคย trekking ดังนั้นเราไม่มีอุปกรณ์อะไรเลย จะให้ซื้อของแบรนด์ทุกอย่างก็ไม่ไหว สุดท้ายก็จัดการจัดกระเป๋ามาได้ตามนี้  ขอสรุปเป็นอุปกรณ์ทั้งหมดที่เราเอาติดตัวไปในทริปนี้เลยแล้วกัน

กระเป๋า Backpack


ของทั้งหมดที่แบกไป ก้อนดำเล็กคือถุงนอน -20

ทริปนี้เราใช้กระเป๋าของ Deuter รุ่น Aircontact ขนาด 45 + 10L ที่เลือกขนาดนี้เพราะลองสะพายแล้วคิดว่าพอเหมาะพอดี ไม่ใหญ่ไปและไม่เล็กไปสำหรับผู้หญิงลำตัวสั้นอย่างฉัน แต่พอเอาไปใช้จริงกลับรู้สึกว่ามันจุของได้น้อยไปนิด (ก็ดูหล่อนแบก!) การใช้งานโดยรวมเราว่ามันกระจายน้ำหนักของกระเป๋าได้ดี หากจัดข้าวของใน layout ที่ถูกต้อง ทนทาน ทนการนั่งทับ กดทับ และซิปทนมาก ไม่ต้องหวั่นเรื่องซิปแตกเลย แต่เนื่องด้วยทริปนี้เรามีลูกหาบ เลยไม่ได้แบกกระเป๋าเองสักเท่าไหร่ แบกเองในช่วงสั้นๆเท่านั้นเลยคิดว่ายังไม่สามารถสรุปเรื่องปวดหลังไหมอะไรแบบนี้ได้ อ้อ .. สำหรับใครที่มักจะจ้างลูกหากในการ trekking อยู่แล้ว เราว่าการใช้กระเป๋าแบบ duffle น่าจะสะดวกสะบายมากกว่า ง่ายทั้งสำหรับเราเองในการหยิบใช้ของ จัดของ และง่ายสำหรับลูกหาบในการแบกด้วย

รองเท้า




เป็นหนึ่งในอุปกรณ์ที่เราเลือกจะลงทุนโดยการซื้อของดีมาใช้ เพราะกิจกรรมหลักของการเดินทางครั้งนี้คือ “การเดิน” ดังนั้นการมีรองเท้าที่ดี จะทำให้ทุกอย่างราบลื่นไม่มีสะดุด ตกลงเลือกซื้อของ The North Face รุ่น WOMAN’S STORM EVO MID GTX เพราะดูแล้วชอบดีไซน์มากที่สุด ด้อมๆมองๆไปลองมาหลายที จนสุดท้ายก็ได้โปรโมชั่นเด็ด จาก 6,8xx เหลือ 4,6xx บาทเลยซื้อทันที หลังจากใช้งานจนจบทริปกลับมา กล้าพูดเลยว่ารองเท้าคู่นี้คุ้มค่ากับการลงทุนมาก ตอนแรกก็กังวลว่าจะรอดไหมเพราะเป็นการเปิดซิงรองเท้าใหม่ เอาไปใช้เดินทางไกลทั้งที่ไม่เคยใส่มาก่อนเลย แต่พี่เค้าก็ทำหน้าที่ได้ดี หน้ากว้างใส่สบายเหมาะกับคนเท้าบานๆอย่างฉัน เดินบนหินบนกรวดไม่รู้สึกเจ็บเลย แต่เวลาเดินบนน้ำแข็งหรือทรายก็มีลื่นนะ คงเป็นเพราะสกิลในการเดินที่ต่ำของเราด้วย ที่เด็ดสุดคือ เจอรองเท้ารุ่นเดียวกันนี้ แต่เป็นของผู้ชาย ขายลดราคา 50% อยู่ที่ Namche Bazaar เหลือคู่ละ 2,7xx บาท! อารมณ์เสียในความถูก

เสื้อผ้า

(1) เสื้อThermal หรือคนไทยเรียกติดปากว่าลองจอน หรือฮีทเทครุ่น ultra warm ของ Marks & Spencer x 2 (ยี่ห้อนี้ดีกว่ายูนิโคล่มาก ราคาต่างกันนิดเดียว ยูนิโคล่ใส่แล้วไม่อุ่นเลย)
(2) กางเกง Thermal รุ่น ultra warm มั๊ง รุ่นหนาสุดอ่ะ ของ Mark & Spencer x 2 (สุดท้ายเอามาใส่เป็นกางเกงตัวเดียวเลยในวันที่อากาศไม่เย็นมาก)


สุดท้ายใส่ thermal เดินสบายสุด
(3) กางเกง Uniqlo รุ่น bloctech ที่มีผ้ากันลมด้านใน ของผู้ชาย x 3 (สิ่งนี้คือความพลาด พอเอาไปใส่จริงมันหนาเกินไป ระหว่างวันที่เดิน trek มันทำให้ร้อนและอึดอัดมาก เลยตัดสินใจตัดซับในทิ้ง แล้วเอา thermal มาใส่ในวันที่หนาวเป็นชั้นในแล้วใส่กางเกงทับอีกทีจะพอดีกว่า เหลือไว้ 1 ตัวใส่นอนจะอุ่นกำลังดี ถ้าได้ไปอีก จะเลือกเอากางเกงวิ่งแบบ compression หรือรัดรูป ที่หนาหน่อยสำหรับใส่วิ่งฤดูหนาว หรือ ซื้อกางเกง trekking ดีๆตัวเดียวพอไปแทน)


เสื้อฟลีซคอเต่า และกางเกงบลอคเทคในวันที่ยังไม่ตัดทิ้ง

(4) เสื้อผ้าฟลีซคอเต่า แขนยาวยูนิโคล่ x 4 (สิ่งนี้คือความพลาด สำหรับการ trek 3 วันแรก เพราะระหว่างเดินอากาศร้อนมาก เสื้อหนาไป และด้วยความที่เป็นคอเต่าทำให้อึดอัด ถ้าได้ไปอีก จะเอาเป็นเสื้อ trekking หรือเสื้อวิ่ง เสื้ออกกำลังกายแขนยาว ผ้าใยสังเคราะห์ที่แห้งเร็ว แบบคอกลม หรือคอซิปจะดีกว่า เอาไป 3 ตัวก็พอ และถ้าไม่ใส่แข่นยาว ควรมีปลอกแขนกันแดด)
(5) เสื้อในแบบสปอร์ต บรา รุ่นไร้ตะเข็บ ซื้อตลาดนัดตัวละ 100 x 4 (ใส่สบาย ไม่อึดอัด เบาด้วย)
(6) กางเกงในกระดาษ แพคละ 6 ตัว 3 แพค
(7) ชุดนอน - เตรียมไว้ 1 ชุดใส่ทุกคืน คือ เสื้อ thermal กับกางเกง thermal ที่เอาไปนั้นแหละ
(8) เสื้อแขนยาวผ้าแคชเมียร์ Uniqlo x 1 เอาไว้ใส่นอน
(9) ชุดใส่ไปจากกทม. และสำหรับใส่กลับ กทม. 1 ชุด เป็นชุดเดียวกัน ฝากไว้ที่ รร.ได้
(10) รองเท้าผ้าใบ x 1 (อันนี้ไม่จำเป็น แต่ถ้ามีที่พอ อยากได้รองเท้าไว้เปลี่ยนใส่เวลาเดินในเมืองก็เอาไป)
(11) รองเท้าแตะ x 1 (เอาไว้ใส่อาบน้ำ หรือใส่ใน tea house เลือกแบบสวมจะใส่ง่ายกว่าแบบหนีบ เพราะอากาศหนาวและเราขะใส่ถุงเท้าตลอดเวลา)

อุปกรณ์กันหนาว กันแดด

(1) Zip-in jacket ของ The North Face ไม่รู้ชื่อรุ่น x 1 (เป็นเสื้อสองชั้น ชั้นนอกกันลม กันน้ำ ชั้นในเป็น fleece หนา ถ้าไม่ขี้หนาวมาก ตัวนี้ตัวเดียวเอาอยู่นะ)


Jacket The North Face สองชั้น

(2) Down Jacket 700 The North Face x 1 (อันนี้คุ้มค่าการลงทุนที่สุดทั้งใส่นอน ใส่เดิน ใส่อยู่ใน tea house)
(3) Ultra Light Down Uniqlo x 1 (บอกแล้วเป็นผู้หญิงเผื่อ สุดท้ายก็ได้ใช้นะ ใส่ down jaceket สองตัวทับกันในวันหนาวพีค)


ถุงมือที่ใส่สลับอยู่สองคู่ แต่ใส่คู่ขวามือบ่อยกว่า
 สภาพหลังซักเลยเยินไปหน่อย

(4) ถุงมือ The North Face x 4 (ซื้อมาสองรุ่น ยืมเพื่อนมาอีก 2 อัน)
(5) หมวก fleece Columbia x 1
(6) หมวก fleece The North Face x 1 (อันนี้ไม่เคยหยิบมาใช้จนจบทริป)


หมวก Columbia กลายเป็นว่าใบนี้ใส่ตลอดทริป

(7) หมวกไหมพรมซือในทาเมล x 2 (หมวกนี้ดีกว่าของแบรนด์ดังมากกกก ซื้อแค่นี้พอ อุ่นกว่าเยอะ)
(8) ถุงเท้า Uniqlo รุ่นหนาสุด มี wool ผสม x 6
(9) ถุงเท้า wool Marks & Spencer x 2
(10) ถุงเท้าหนาๆของญี่ปุ่น x 1
(11) ถุงนอน -20 องศา x 1 (เช่าที่ทาเมล รวมในแพคเกจ แต่ให้ทำใจเรื่องกลิ่นอับหน่อยนะ)


ถุงเท้าไหมพรม อุ่นมากกก ใส่นอน ใส่ใน tea house ดีงามมากกก

(11) ถุงเท้าไหมพรม ซื้อในทาเมล x 1 (สิ่งนี้คือดีงาม มีคู่เดียวรอดทุกคืน คู่ละ 100 บาท)
(12) ผ้า buff x 2 ซื้อจาก Decathlon ไปแล้วไปซื้อเพิ่มที่ Dingboche (อันนึงเอาคาดผม เลยซื้ออีกอันมาปิดกันฝุ่น.. สุดท้ายก็ไม่ได้ปิด ฮ่าๆๆ)
(13) ปลอกคอกันหนาว Uniqlo x 1 (ไม่เคยหยิบออกมาใช้)
(14) ผ้าพันคอ heatech Uniqlo x 1 (เอาผ้าพันคอไปเผื่อก็ดี อากาศหนาวคอควรอุ่น)
(15) หมวด visor Nike x 1 (หมวกมีปีที่เอาไว้บังแดดได้จำเป็นมาก เพราะจะช่วยไม่ให้หน้าไหม้ แล้วยังทำให้มองทางได้สะดวกขึ้นเพระาแดดจะไม่แยงตา)
(16) แว่นกันแดด เลนส์ Polarized x 1 (เราซื้อของ Decathlon ใช้ดีเลยทีเดียว ควรซื้อแบบโพราไลซ์เราะจะช่วยตัดแสงได้ แนะนำให้ใช้แว่นดีๆ จะสบายตาและมีความสุขเมื่อต้องใส่ตลอดเวลา)

ของใช้ส่วนตัว

(1) กระเป๋าเครื่องสำอาง เขียนเล่าไปแล้วที่นี่
(2) สบู่ แชมพู แปรงสีฟัน ยาสีฟัน (สุดท้ายจะได้อาบน้ำไม่เกิน 4 ครั้ง ไม่ต้องเอาไปเผื่อเยอะ ไซส์เล็กๆก็พอ)
(3) Body lotion (จำเป็นมากเพราะอากาศแห้ง แห้งมากจะทำให้คัน)
(4) แป้งเด็ก (ไม่เคยหยิบออกมาใช้)
(5) แป้งโยคี (ใช้ทาจักแร้ โรยเท้าก่อนใส่รองเท้า ดีงามมาก)


ของใช้ส่วนตัวที่เอาไปเผื่อเยอะแยะ

(6) ผ้ารัดเข่าเผื่อไว้ใช้ขาเดินลง x 2 (ไม่เคยหยิบออกมาใช้)
(7) Thermaplast x 10 (แผ่นติดที่ช่วยให้ร่างกายอุ่น ไม่สามารถทนทานความหนาวที่นี่ได้ อย่าพกไปให้หนัก แกะปุ๊ย มันเย็นปั๊บ)
(8) พลาสเตอร์ปิดแผล (จำเป็น เพราะเราโดนนู่นนี่บาดมือประจำ)
(9) ผ้าเช็ดตัว microfiber x 1 (เราซื้อ Decathlon อีกแล้ว แห้งไว้ พกพาสะดวก ของหลายอย่างเค้าโอเคเลยนะ เห็นฝรั่งหลายคนก็ใช้ของแบรนด์นี้)
(10) ยา ยาประจำตัว ยาสามัญทุกอย่าง เช่น Diamox (ควรเตรียมไป) แก้ปวด แก้หวัด แก้ไอ แก้ท้องเสีย (อันนี้เราต้องกินมาแล้ว) ยาคลายกล้ามเนื้อ ยาแก้เมา (ในกรณีที่มีการนั่งรถเพราะถนนเนปาลโหดมาก) ยาดม ยาอม 

อุปกรณ์อิเลคโทรนิกส์

(1) กล้อง Canon G 11
(2) แบตกล้อง 2 กล้อง (ค่าชาร์จไฟแพงขึ้นตามระดับความสูง ประมาณ 350 รูปี แบต 1 ก้อนเราใช้ได้ 3-4 วัน)
(3) ที่ชาร์จแบตกล้อง
(4) ที่ชาร์จ iPhone
(5) Headlamps (ซื้อที่ทาเมลถูกกว่า)
(6) หัวปลั๊ก universal (สุดท้ายเอาที่ชาร์จให้ รร.ชาร์จ เค้าก็ชาร์จได้หมดนะ)
(7) ไฟฉายแบบมือถือ (ไม่เคยหยิบมาใช้ บอกแล้วว่าเป็นผู้หญิงเผื่อ)

ทุกอย่างล้วนมีประโยชน์ระหว่างทาง

อุปกรณ์และของใช้อื่นๆ

(1) ทิชชู่เปียก x 2 (สิ่งนี้คือที่สุดของความดีงาม ขาดอะไรได้แต่ขาดสิ่งนี้ไม่ได้!) และ ทิชชู่เปียกเดทตอล x 1 (กะเอาไว้เช็คฆ่าเชื้อโรค)
(2) กระดาษทิชชู่ (เราเอาไป 1 ห่อใหญ่ หมดตอนลงมาถึงลุคลาพอดี)
(2) Alcohol Gel x 1 (เอาไว้ทำความสะอาดมือก่อนกินอาหาร)
(3) ชุดมีด swiss army
(4) ถุงพลาสติก + หนังยาง (เอาไปใส่เสื้อผ้าใช้แล้ว ใส่ขนมที่กินไม่หมด)
(5) ถุงสุญญากาศซื้อจากไดโซะ
(6) เสบียงอาหาร (ไม่ต้องเอาไปเยอะ มันไม่ได้อัตคัต แต่ถ้าติดกินเนื้อสัตว์ควรพกไปบ้างให้พอหายอยาก)
(7) ปลาแผ่น Bento (ปลาแผ่นรสจัดตัวช่วยที่ดีมากสำหรับยามอยากกินอะไรมีรสชาติ)
(8) ชอคโกแลต ท็อฟฟี่ biscuit (พกไปเถอะ ไม่ต้องเยอะ มีขายตลอดทาง เราเอาไปเยอะมาก สุดท้ายแจกเด็ก แจกลูกหาบ)
(9) เสื้อกันฝนจาก 7-11 x 1 (ไม่เคยหยิบออกมาใช้เพราะฝนไม่ตก)
(10) ผงลาบโลโบ้ (ตัวนี้คือเทพสุด ถ้าเป็นคนติดรสจัดแนะนำว่าไม่ควรพลาด เอาไปเถอะ คลุกกับอะไรกินก็อร่อย)
(11) sleeping silk liner (เรียกงี้ป้ะ) x 1 หรือผ้าซับในถุงนอน (มันคืออีกหนึ่งความดีงาม สุดท้ายแม้ไม่ได้ใช้ถุงนอนแต่เราก็เอาสิ่งที่ปูบนเตียงทุกคืนแล้วสอดตัวเองเข้าไปนอนนนั้น มันทำให้อุ่นขึ้น 3 ระดับ และรู้สึกดีที่ไม่ต้องนอนบนผ้าปูเตียงเค้า)
(12)  Trekking Pole x 2 (มีไว้ช่วยทุ่นแรกตอนเดินก็ดี แต่ถ้าใครไม่ถนัดก็ไม่ต้องใช้ก็ได้ ซื้อที่ทาเมลมีเยอะแยะ เราซื้อ Decathlon ไป)
(13) กระติกน้ำแบบอลูมิเนียม x 1 (เอาไว้ใส่น้ำร้อน แล้วไปนอนกอดตอนกลางคืน ตื่นขึ้นมาน้ำจะอุ่นพอดีสำหรับใช้ล้างหน้าแปรงฟัน มันคือทิปที่ดีเยี่ยม)



ใครขาดเหลืออะไร Thamel และ Namche Bazaar มีทุกอย่างให้เลือกสรร

นี่คือทั้งหมดที่เราเอาใส่กระเป๋าไป ซึ่งสุดท้ายแล้วทุกชิ้นมันได้ใช้นะ แต่ก็รู้สึกว่าขนไปเยอะเกินไป ถ้าให้จัดกระเป๋าอีกรอบ จะเอาเสื้อผ้าไปน้อยลง เอาของกินไปน้อยลง และเอาทุกอย่างที่มันไม่ได้ใช้ออกไป ไม่ต้องจัดกระเป๋าตามเราก็ได้ เอาแบบที่เป็นสไตล์ของตัวเอง แต่เชื่อเถอะ อะไรที่เราบอกว่า “มันคือความดีงามมม” คุณควรลองหาที่ในกระเป๋าเอามันไปด้วยนะจ๊ะ

[การเดินทางครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อ 17 - 31 ธันวาคม 2016]

2 comments:

  1. ที่นัมเช ราคาพอๆกับทาเมลมั๊ยครับ รูปสุดท้ายถ่ายที่ไหนครับ

    ReplyDelete