รีวิวนี้
ไม่มีข้อมูลรองเท้าใดๆ เพราะหาได้ง่ายตามอินเตอร์เนตอยู่แล้ว
เราขอมาเล่าแบบอารมณ์ล้วนๆเลย โดยก่อนอื่นขอสรุปโปรไฟล์เราคร่าวๆก่อนจะได้นึกภาพออกว่าเราใช้รองเท้าอะไรมาบ้าง
- เราวิ่งมาประมาณ 6 ปีค่ะ แต่ช่วง 3 ปีให้หลังมานี่วิ่งน้อยมาก
- ระยะทำการสูงสุดคือ ฟูลมาราธอน ผ่านมา 6 สนาม
- เป็นคนวิ่งไม่เร็ว เพซกลางๆค่อนไปทางช้า เวลาสำหรับ 10 กม.ที่ดีที่สุดที่เคยทำได้ คือ 59 นาที (แต่นั่นก็ผ่านมานานมากแล้ว .. ปกติจะวิ่งที่ 1.08 นาทีค่ะ)
- เป็นคนเท้าบานและแบน มีปัญหาเท้า คือ เวลาเข่าจะบิดเข้า
- แต่..เป็นคนเท้าแบนที่ชอบใส่รองเท้าวิ่งแบนๆ ไม่ชอบซัพพอร์ต ไม่ชอบพื้นหนา
- มีรองเท้าวิ่งมาแล้วทั้งหมด 7 คู่ เป็น New Balance x 2, Asics x 2, Mizuno x 3
ขอออกตัวเอี๊ยดเลยว่าเราเป็นคนที่แอนตี้รองเท้าวิ่งไนกี้มาตลอด
เพราะเราไม่บีลีฟในเรื่องเพอร์ฟอร์แมนซ์ของแบรนด์แฟชั่น เราคิดว่าเค้าขายดีไซน์ที่สวยงามน่าดึงดูดมากกว่า
บวกกับราคาที่มักจะเว่อร์เมื่อเทียบกับรองเท้าแบรนด์อื่นๆเลยรรู้สึกไม่คุ้มค่า
(เป็นความคิดเห็นส่วนบุคคล ไม่ดราม่าเนอะ)
แล้วความคิดนี้ก็ทำให้เราไม่เคยเปิดใจลองรองเท้าวิ่งของแบรนด์นี้เลย
รองเท้าวิ่งหลายคู่ที่ผ่านๆมาของเราจึงเทใจให้แบรนด์จากฝั่งญี่ปุ่นมาตลอด
แต่พักหลังมานี้ ด้วยกลุ่มเพื่อนที่หันไปเป็นสาวกไนกี้กันเต็มตัว
ส่งรูปรองเท้า ช้อปปิ้งรองเท้ากันตลอดเวลา เราเลยเหมือนโดนมอมยาอยู่ตลอด
บวกกับสมรรถภาพด้านการวิ่งที่ลดลงอย่างมากจากการไม่ได้วิ่ง เมื่อวิ่งช้าลง รองเท้าแนวเรซซิ่งแบบซัพพอร์ตน้อยๆจึงไม่ตอบโจทย์เราแล้ว
เรารู้สึกเจ็บเท้าทุกครั้งที่วิ่ง รวมถึงปัญหาด้านรูปเท้าของเรา ที่แบนมาก
ทำให้เริ่มมองหารองเท้าที่มีการซัพพอร์ตเพิ่มขึ้นเพื่อให้เหมาะกับเท้าอย่างจริงจังเสียที
Nike Epic React Flynit เป็นตัวเลือกแรกที่เราเลือกเมื่อเปิดใจหารองเท้าที่มีซัพพอร์ต
เหตุผลแรกเลยคือ มันสวย ดีไซน์มันไม่ดูเทอะทะ ซัพพอร์ตแบบพอเหมาะ
พื้นรองเท้าไม่ดูเทอะทะแปลกประหลาด
เพราะเหตุผลที่เราหนีไปใส่รองเท้าพื้นบางมาตลอดเพราะส่วนตัวเราไม่โอเคกับรองเท้าวิ่งที่พื้นดูประหลาดๆนั่นเอง
เมื่อมีตัวเลือกในใจ
วิธีการต่อไปคือถามเพื่อนคนที่ใส่อยู่ ทุกคนคอนเฟิร์มว่ามันดี ควรลอง
เลยตัดสินใจพาตัวเองไปลองที่ร้าน ความรู้สึกแรกที่เอาเท้าใส่เข้าไปแล้วลองเดิน
ลองจ๊อกๆดู มันนิ่มเด้งแบบพอดีๆ เราไม่ชอบรองเท้าพื้นยวบ คู่นี้มันไม่นิ่มยวบ
และมันก็ไม่ได้เด้งเว่อร์วัง เอาเป็นว่า ฟีลลิ่งไม่หลอก
ไม่ประหลาดเมื่อเทียบกับแนวรองเท้าซัพพอร์ตน้อยๆที่เคยใส่มา เช่น เทียบกับ Mizuno Wave Spacer ที่เราชอบมากๆแล้วฟีลกู๊ดเหมือนกัน
เทียบกับ Mizuno Wave Emperor ที่ชอบแต่พักหลังรู้สึกมันบางไปนิด
แล้วรู้สึกว่าไม่ได้การซัพพอร์ตเพิ่มมาในระดับที่กำลังมองหา ดังนี้แล้ว
เลยตัดสินใจซื้อฮะ จริงๆอยากได้สีชมพู
แต่เลือกสีเทาเพราะคิดว่าถ้าใส่วิ่งแล้วไม่ชอบ
อย่างน้อยสีเทาก็ยังเอามาใช้ในชีวิตประจำวันได้ง่ายหน่อย
ความรู้สึกจากการวิ่งครั้งแรก
เอออ มันสบายเท้าดีแฮะ
ไม่ได้ใส่รองเท้าวิ่งที่มีซัพพอร์ตมานาน รู้สึกได้ถึงความนุ่มละมุนฝ่าเท้า
ไม่รู้สึกเจ็บและเมื่อยฝ่าเท้าเหมือนเดิม รองเท้าน้ำหนักเบามาก
ไม่รู้สึกว่าน้ำหนักเป็นภาระเลย แต่.. วิ่งไปประมาณ 10 นาทีเริ่มมีอาการปวดอุ้งเท้าขวา
ช่วง arch เหมือนรองเท้ามันจะรัดแน่นไปเลยต้องหยุดเพื่อคลายเชือกและวิ่งต่อ
สบายขึ้นหน่อย แต่ก็ยังรู้สึกเจ็บอยู่ดี ลองทนวิ่งให้ครบ 1 ชม. ก็วิ่งได้จนจบนะ
วิ่งเสร็จไม่เมื่อยขาเมื่อยน่องเหมือนทุกที
คิดเอาเองว่ารองเท้าคงทำหน้าที่ช่วยซัพพอร์ตได้ดีในระดับหนึ่งเลย
ลองอีกครั้งด้วยการวิ่งช้าๆ
อย่างที่เกริ่นไปว่า
เดี๋ยวนี้วิ่งให้เร็วไม่ไหวแล้ว
ดังนั้นรองเท้าที่อยากได้จะต้องเป็นรองเท้าที่ใส่วิ่งช้าแล้วสบาย
ซึ่งคู่นี้ก็ทำได้ดี เราใส่วิ่งซ้อมแบบคุมโซนหัวใจที่โซน 2 ความเร็วอยู่ที่เพซ 7.30 –
8.30 วิ่งได้สบายมาก
ปกติการวิ่งด้วยความเร็วเพซนี้กับรองเท้าสไตล์ racing
แบบเดิมที่ใช้จะรู้สึกทรมาน เมื่อยฝ่าเท้าเท้า
เมื่อยน่อง เพราะรองเท้าไม่ได้ออกแบบมาให้รองรับการทิ้งน้ำหนักลงเยอะ
เคยทดสอบด้วยการลองวิ่งเร็ว คือมันดีมาก แต่พอวิ่งช้า เอออมันไม่ใช้จริงๆ
แต่สำหรับ Nike Epic React Flyknit วิ่งช้าๆก็ยังรู้สึกสบายเท้า วิ่ง 60 นาทีเพลินๆเลย
แต่อาจจะต้องลองใช้วิ่งระยะยาวดูอีกที ครั้งที่แล้วลองวิ่งและไปบ่นเรื่องปวดเท้าให้พี่ที่สนิท เจ้าของเพจ Outrun ที่เป็นแฟนไนกี้ฟัง ได้รับคำแนะนำมาว่า ไม่ต้องผูกเชือกเลย รองเท้ามันกระชับด้วยตัวมันเองอยู่แล้ว เพราะเค้าก็มีอาการเลยใช้วิธีนี้ เลยลองทำตามดู เออมันช่วยได้จริง
สรุป
ชอบเพราะ:
- ดีไซน์สวย เป็นรองเท้าวิ่งที่ดูดีไซน์ไม่เลอะเทอะ มินิมอลดี
- น้ำหนักเบา ไม่รู้สึกเป็นภาระเท้า (ความรู้สึกจากการวิ่งแค่ 60 นาที)
- พื้นรองเท้ามีความยืดหยุ่น flexible ไปกับเท้าตอนวิ่ง
ไม่ชอบเพราะ:
- วัสดุเป็นผ้า Flyknit ทำให้ช่วงอุ้งเท้า กลางเท้ามันแน่นกระชับเกินไป ตอนไปลองที่ร้านพนักงานบอกว่ารัดเชือกแน่นๆเลยนะครับ แต่ความจริงแล้ว ยิ่งรัดแน่นมันยิ่งทำให้ปวดเท้า มันต้องคลายเชือกเยอะๆจนแทบจะให้ตัวรองเท้าที่กระชับอยู่แล้วโอบอุ้มเท้าไว้
- ส้นรองเท้าด้านในจะชอบมาสีโดนขาอีกข้าง อันนี้น่าจะเป็นเพราะท่าวิ่งเราเองหรือเปล่าไม่รู้ แต่ตอนใช้รองเท้า racing เราจะไม่เป็น
- การซื้อรองเท้าวิ่งสีอ่อนนี่ก็พลาด เลอะง่ายมาก
- ราคาสู๊งสูง (5,500 บาท) แต่ก็เพราะมันคือไนกี้อ่ะนะ
Nike Epic React Flyknit
ลบความคิดเดิมๆที่เราเคยมีต่อรองเท้าวิ่งของไนกี้ไปได้เยอะเลยค่ะ
เค้าพัฒนาแล้วตามคำเคลม ถึงตอนนี้จะใส่วิ่งไปได้ไม่กี่ครั้ง ระยะทางยังไม่เยอะ
แต่รู้สึกไม่ผิดหวังที่ซื้อคู่นี่มา
และคิดว่าจะเอาคู่นี้นี่แหละซ้อมและไปวิ่งมาราธอนสนามที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่เดือนด้วยกัน
ใครกำลังมองหารองเท้าวิ่ง
มีจริตคล้ายๆกันและงบถึง เราว่า Nike Epic React Flyknit ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจที่อยากให้ไปลองดู