Saturday, February 13, 2016

[Review] รีวิว รองเท้าวิ่ง Mizuno Wave Emperor ที่ทำให้ตกหลุมรักอีกครั้ง

ไม่ได้มาเม้าท์มาแชร์เกี่ยวกับรองเท้าวิ่งของตัวเองเสียนาน เพราะจากรีวิวสุดท้ายที่เคยทำไว้ก็ไม่ค่อยได้ซื้อรองเท้าวิ่งใหม่ (แกซื้ออีกสามคู่หลังจากนั้น!) วันนี้ฤกษ์งามยามดีป่วยซมอยู่บ้าน ไม่ควรออกไปไหนเลยถือโอกาสมาเล่าถึงรองเท้าวิ่งคู่ล่าสุดที่หอบหิ้วกับมาจากดินแดนอาทิตย์อุทัย ประเทศที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองแห่งการวิ่งและเจ้าแห่งรองเท้าวิ่งกันดีกว่า พูดเลยว่าสำหรับรองเท้าคู่นี้ ไม่เสียดายเลยที่ตัดสินใจซื้อ (แม้จะลีลาอยู่มากกว่าจะซื้อได้) ชอบมากจนอยากจะแบ่งปันให้คนอื่นไปเสียทรัพย์ตาม

คนรอบตัวจะรู้ว่าฉันเป็นแฟนตัวยงของรองเท้าวิ่ง Mizuno (ซื้อได้แต่รองเท้าเพราะสินค้าอื่นของพี่เค้าเชยเหลือเกิน) ถ้านับรวมคู่นี้ก็เป็นมิซูโน่คู่ที่ 3 ที่มีในครอบครอง ทำไมถึงชอบมิซูโน่? ไม่ใช่เพราะสวยสไตล์ลิชแน่นอน เพราะอย่างที่รู้คือหลายคนไม่แลแบรนด์นี้เพราะดูยังไงมันก็เช๊ยเชย “มันไม่ใช่แบรนด์สำหรับเราอ่ะแกกก”  นีคือคำที่ได้ยินคนรอตัวพูดอยู่บ่อยๆยามที่แนะนำรองเท้าวิ่งแบรนด์นี้ให้ บอกตามตรงก็ไม่รู้ทำไมถึงชอบ คือ แว๊บแรกมองแบรนด์นี้มันไม่เคยสวยเลย มันดูญี่ปุ่นมาก แต่ก็ชอบนะ เพราะส่วนตัวไม่อินกับดีไซน์ที่อวกาศ (ฉันเป็นคนเรียบง่ายโมโนโครม) ดังนั้นเหตุผลที่ชอบคือ เมื่อยอมตัดเรื่องดีไซน์ออกไปแล้วเปิดใจซื้อคู่แรกมาใช้ ซึ่งก็คือ Mizuno Wave Spacer AR4 รองเท้าวิ่งที่เปิดโลกตระกูลรองเท้าวิ่งแบบ Racer ให้ฉัน คือ ทำให้รู้เลยว่า เฮ้ย! นี่มันรองเท้าที่สร้างมาเพื่อฉันชัดๆ น้ำหนักเบาพอดี พื้นไม่ต้องซัพพอร์ตเยอะเพราะอยากสัมผัสพื้นบ้าง แต่ก็อย่าบางเกินไปจนทรมาน และที่สำคัญคือ รองเท้าแบรนด์นี้หน้ากว้าง เหมาะกับคนเท้าบานๆอย่างเราเป็นที่สุด (อยากรู้รายละเอียดตามไปอ่านรีวิวโดยคลิกที่ชื่อรุ่นรองเท้าได้เลยค่ะ)

Wave Spacer AR4 ชอบมากขนาดที่ว่า
ปลดระวางจากการวิ่งก็เป็นเพื่อคู่ใจเอาไว้ไปเดินตะลุยโลก

หลังจากหลงรักแบรนด์นี้จากรองเท้ารุ่นนั้น ก็ทำให้แบรนด์นี้วิ่งเข้ามาในหัวเป็นแบรนด์แรกทุกครั้งที่จะซื้อรองเท้าวิ่งคู่ใหม่ เมื่อใส่พี่ชมพูคู่นั้นจนถึงวาระที่ต้องจากลา คู่ต่อมาก็คือ Wave Amulet 5 ที่ยังไม่ได้ทำรีวิวจนมันกลายเป็นรุ่นเก่า (ตอนซื้อมาใส่นี่อย่างเก๋นะ มันยังไม่มีขายในไทย ตอนนี้ขายลดราคาแล้วมั๊ง) ไว้นึกคึกจะมาเล่าให้ฟังว่ามันเป็นยังไงละกัน แต่คร่าวๆคือ ชอบ แต่มันยังไม่สุด แต่ก็ใส่มาเรื่อยๆเพราะยังไม่เจอเนื้อตู่รายใหม่ หลังจากพี่พระเครื่องก็มีนอกใจไปหา Asics บ้าง แต่ก็ซื้อมาใส่สลับกันเพราะมันยังไม่ถึงคราวบอกลาพี่พระเครื่องแต่เพราะโปรโมชั่นลด 40% มันเชิญชวนเหลือเกิน

เกือบจะถอดใจจากแบรนด์มิซูโน่ เพราะที่ไทยแบรนด์นี้ทำการตลาดได้ห่วยมาก (ขออภัยที่ออกความเห็นตรงๆแต่พี่สู้คนอื่นเค้าไม่ได้จริงๆ) ทั้งที่กระแสวิ่งในไทยคึกคักรุนแรง หลายแบรนด์คว้าเอาโอกาสตอนนี้นำรองเท้าหลากหลายรุ่นมาขาย ทำการตลาดดึงดูดลูกค้า รวมทั้งแบรนด์บ้านเดียวกันเก่าแก่อย่างเอสิคยังสร้างภาพลักษณ์ให้ดูวัยรุ่นขึ้น ดูอินเตอร์ขึ้นมาก แต่ดูพี่คนนี้นิ่งๆเฉยๆ กูอยู่ของกู จะขายเท่าที่มีอะไรแบบนั้น เมื่อตัวเลือกน้อย สินค้าไม่โดนใจ จะซื้อต้องไปญี่ปุ่นหรือสั่งออนไลน์ จึงเริ่มเบื่อ ซื้ออย่างอื่นก็ได้วะ

โอเคกลับมาที่รองเท้า.. เมื่อมีโอกาสไปเที่ยวญี่ปุ่น หนึ่งในเป้าหมายของการไปครั้งนี้ แน่นอน “ต้องซื้อรองเท้าวิ่ง” ใครที่เป็นนักวิ่ง ชอบวิ่ง ไปญี่ปุ่นแล้วไม่ซื้อรองเท้าวิ่งนี่ใจแข็งมาก คือมันสวรรค์ชัดๆ ที่ฉันซื้อมานี้เอาจริงๆก็ไม่ได้ตั้งใจนะ กะว่าเจอก็ซื้อ ไม่เจอก็ช่างมัน แต่โชคชะตาก็มักลิขิตเสมอ เกริ่นมานาน ย่อหน้าที่ 5 แล้ว ยังไม่เข้าเรื่องรองเท้าเลย งั้นเราตัดไปเรื่องรองเท้าเลยดีกว่า ทั้งนี้ บอกไว้ก่อนเหมือนทุกครั้งที่เขียนว่า หากคาดหวัง technical review ฉันไม่มีให้ค่ะ เพราไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญ และเป็นผู้หญิงที่ไม่ได้อินไม่ได้แคร์กับเทคโนโลยีอะไร ถูกใจก็ซื้อ ใช้แล้วดีก็บอกว่าชอบ อยากแบ่งปันบอกเล่าแบบคนวิ่งธรรมดาๆคนนึงแบบให้มันเข้าใจง่ายๆดีกว่า

ถ่ายตอนลองที่ร้านเพื่อส่งมาให้คนที่ไทยช่วยตัดสินใจ

Mizuno Wave Emperor ไม่ใช่รักแรกพบ เพราะสีสันสุดเจ็บแสบของมันทำให้ฉันลังเลเป็นอย่างมาก ด้วยความที่ไม่ชอบสีสันจัดๆ และรองเท้าวิ่งที่ครอบครองมาทั้งชีวิตก็คุมโทนสีชมพูมาตลอด เลยตั้งใจว่าจะไม่ซื้อสีชมพูแล้วนะจ๊ะ เพราะฉันไม่ใช่ผู้หญิงสีชมพู (แต่สิ่งของเครื่องใช้นางมีสีชมพูเยอะมาก) แต่ที่ชอบในรองเท้ารุ่นนี้คือ พื้นรองเท้า ไม่รู้ว่าพื้นแบบนี้มันเรียกว่าอะไร แต่จะเจอในรองเท้าตระกูล racer เราชอบที่มันไม่ลื่น แล้วมันดูเท่ห์แบบโปรดี เมื่อพลิกดูแล้วถูกใจพื้นรองเท้า เลยลองหยิบมาสวมดู


พื้นรองเท้าแบบที่ชอบ

ความรู้สึกแรกที่ได้สัมผัส
เฮ้ย.. มันเบามาก มันคือความรู้สึกที่เคยได้จาก Wave Spacer AR4 ที่ห่างหายไปนานและหารุ่นไหนมาแทนไม่ได้สักที ความหนาของพื้น ของหน้าเท้า ส้นเท้ากำลังดี ไม่หนานุ่มเกินไป แล้วไม่บางจน barefoot หรือ minimal เกินไป หน้าเท้ากว้าง ไม่บีบ ใส่แล้วไม่รู้สึกอึดอัดเลย วัสดุไม่แข็งหยาบ ยืดหยุ่นตามเท้าดีมาก แค่ใส่แล้ววิ่งเล่นในร้านแค่นั้นใจยังจะละลาย (เวอร์ดีไหม)
เมื่อลังเลอยู่พักใหญ่ เพราะอย่างที่บอกไปว่าไม่ชอบสีสันจัดๆ แต่จากแรงเชียร์ บวกกับสีหน้าเบื่อหน้าแต่ยังยิ้มแย้มของคนขาย ที่เชียร์ให้ซื้อด้วยการหยิบนิตยสารวิ่ง ฉบับใหม่ล่าสุดมาให้ดูว่า นางแบบบนปกเล่มล่าสุดนี้ใส่คู่นี้เลยนะ ถ้าเธอใส่เธอก็เหมือนนางแบบเลย ดูรูปหน้าปกแล้วมันสวยงามมากนะ ขาเรียวยา รองเท้าโดดเด่น พาลจินตนาการถึงตัวเองว่าถ้าใส่วิ่งแล้วมีคนถ่ายรูป จะต้องเริ่ดแบบนี้แน่นๆ (แต่แกขาสั้นและตันมากนะ) สุดท้ายก็เซย์โอเค ซื้อก็ได้ ไหนๆก็ไหนๆ นี่คงไม่ใช่ครั้งแรกที่จะผิดหวังกับการซื้อรองเท้าวิ่งถ้ามันไม่ใช่

ด้วยกันครั้งแรก

ก้าวไปด้วยกันครั้งแรก
หลังจากกลับมาเมืองไทยก็หาโอกาสเอาพี่แป๋นไปลองเท้าเป็นครั้งแรก จัดไป 10 กม. บนพื้นรอบสวนลุมที่คุ้นเคย ความรู้สึกแรกที่ใส่วิ่งกับพื้นถนนมันดีมาก มันเบา สบาย พื้นรองเท้ารองรับเท้าได้ดี เป็นความรู้สึกที่ชอบโดยส่วนตัว หลังจากสสวนลุมก็พกพี่แป๋นไปชะอำ วิ่งไปด้วยกันอีก 5 กม. ก็ยังได้ความรู้สึกเดิม หลงรักเต็มๆ จนตัดสินจว่า จะใส่พี่เค้านี่แหละ ลุยจมบึงมาราธอน ใช่ค่ะ.. ใส่รองเท้าคู่ใหม่ที่เคยใส่ไปแค่ 15 กม. ไปวิ่งฟูลมาราธอน เป็นความคิดที่บ้า แต่ฉันทำมันไปแล้ว




วิ่งมาราธอนด้วยกันเราต้องเชื่อใจกัน
เมื่อไม่เคยซ้อมด้วยกันมา จะพากันไปลงสนามคงต้องใช้ความเชื่อใจล้วนๆ บอกตัวเองว่า หยิบขึ้นมาแล้วต้องเชื่อว่ามันจะไม่ทำร้ายเรา พาพี่แป๋นลุยสนามจอมบึงมาราธอน ที่ทางส่วนใหญ่เป็นถนนลาดยาง ทั้งทางหลัก ทางชนบท มีเนินบ้าง มีหินมีทรามีกราวดบ้าง โดยรวมพี่แป๋นทำหน้าที่ได้ดี ไม่รู้สึกหนักเท้าเลยแม้จะเข้าสู่กิโลเมตรที่ 30 ยังไม่รู้สึกว่ารองเท้าเป็นภาระ (การันตีด้วยน้ำหนักที่เบามากที่สุด เมื่อจับมาชั่งกันจะๆกับรองเท้าของเพื่อนๆ) จะมีก็รู้สึกเจ็บที่บริเวณนิ้วโป้งเท้าขวา เพราะรู้ตัวว่าซื้อมาผิดไซส์ ซื้อเล็กไปครึงเบอร์ พื้นรองเท้าไม่บางจนทำให้รู้สึกระบมฝ่าเท้า แม้จะวิ่งนานกว่า 5 ชั่วโมงแล้วก็ตาม วิ่งจบก็นึกขอบคุณรองเท้าในใจ ที่ไม่ทำร้ายกันสาหัสระหว่างทาง

เทียบกันหมดนี่ พี่แป๋นเบาชนะเลิศ

จะสปริ๊นท์ก็ทำได้ดี
400 เมตรก่อนเข้าเส้นชัย เป็นระยะทางที่เราวิ่งแบบสปริ๊นท์ ไม่ใช่เพราะอยากลองรองเท้า แต่เป็นเพราอยากถึงเส้นชัยจะแย่มันจะได้จบเสียที Wave Emperor ทำได้ดีกับการใส่วิ่ง pace 5 มันเบามากทำให้ยกเท้าเร่งสปีดได้สบายแม้จะวิ่งมา 41 กว่ากิโลแล้วก็ตาม พื้นรองเท้าไม่ลื่น มั่นใจได้ว่าไม่ล้มหัวฟาดแน่นอน

สภาพหลังมาราธอน ไม่ซักแต่ก็โชว์

แล้วมันเหมาะกับวิ่งทำเวลาหรือวิ่งมาราธอนล่ะ?
เอาตรงๆส่วนตัวคิดว่ารองเท้ามันเป็นแค่ส่วนหนึ่ง แต่ความสามารถของแกนั่นแหละ คือ ส่วนที่สำคัญที่สุด รองเท้ารุ่นนี้คือ racer ที่ใช้สำหรับวิ่งแข่ง วิ่งเร็ว หรือทำเวลาก็ดี เพราะมันเบา มันซัพพอร์ตในปริมาณที่จำเป็นเพราะต้องรักษาความเบา จะใส่อะไรมาเยอะๆคงไม่ได้ แต่จะเอามันไปใส่วิ่งมาราธอนก็ได้ สำหรับบางคนคงจะรู้สึกว่ามันบางไป ไม่ซัพพอร์ตเลย วิ่งยาวๆคงไม่ไหว อันนี้ก็แล้วแต่ความชอบของแต่ละคนเลยจริงๆ เราลองแล้ว ใส่แล้ว เราโอเคกับมันมากค่ะ แม้มันจะทำให้เท้าเราพอง แต่สำหรับเราใช่ปัญหาและเราจะไม่โทษว่าเพราะรองเท้าไม่ดี เราเชื่อว่ามันมีหลายปัจจัย เช่น วันนั้นเราเลือกถุงเท้าคู่ที่ไม่ได้เอาไว้ใส่วิ่งมาราธอนตามปกติมาใช้ และเราอาจจะซ้อมกับคุ่นี้น้อยไปเท้าเลยยังไม่ชิน
สรุปสุดท้าย



Mizuno Wave Emperor เป็นรองเท้าที่น่าสนใจและน่ารับไว้พิจารณาสำหรับคนที่ชอบรองเท้าแบบ racer ชอบรองเท้าวิ่งเบาๆ แต่ยังอยากได้การซัพพอร์ตบ้าง หรือยังไม่พร้อม ไม่ชอบวิ่งกับรองเท้าที่พื้นบางมากจนเกินไป แม้ตามคำแคลมเค้าจะบอกว่ามันเป็นรองเท้าสำหรับแข่ง แต่จะเอามาใส่ซ้อม ใส่วิ่งปกติก็คงไม่เป็นไร



รุ่นนี้วางขายที่ญี่ปุ่นเมื่อเดือนตุลาคม 2558 ทีผ่านมา ไม่รู้เหมือนกันว่ารุ่นนี้จะนำเข้ามายที่ไทยหรือไม่ จากที่ไปเดินเล่นในช้อปเมื่อเดือนมกราคม 2559 ยังไม่เห็นนะคะ ฉันไปได้คู่นี้จากร้านขายรองเท้าวิ่งชื่อว่า Steps ที่ Shimokitazawa และลอง google ก็เห็นมีขายในร้าน Mizuno ในญี่ปุ่นแล้ว สนนราคาประมาณ 13,900 เยน นี่ก็ว่าจะซื้อใหม่เพราะที่ซื้อมามันเล็กไปนิดนึง ใส่วิ่งยาวบ่อยๆคงดีต่อสุขภาพเท้า

ขอบคุณที่อ่านฉันบ่นจนจบ หวังว่าจะมีสาระ มีประโยชน์ไม่มากก็น้อยนะคะ


ใครสนใจรุ่นนี้ ไปทำความรู้จักเพิ่มเติมที่นี่ได้ค่ะ Mizuno Wave Emperor


7 comments:

  1. กำลังตัดสินใจซื้อเลย

    ReplyDelete
    Replies
    1. ซื้อเลยค่ะ รับรองว่าไม่ผิดหวัง แต่รุ่นนี้แนะนำให้เผื่อไซส์สักครึ่งเบอร์นะคะ :)

      Delete
  2. ชอบมิสซูโน่ เป็นการส่วนตัว

    ReplyDelete
  3. Mesmerized article written on this blog with other relevant information. It is straight to the point that how we can improve our skills as well as how we can be represented to a new stream of professionalism.รองเท้า เพื่อ สุขภาพ

    ReplyDelete
  4. A very awesome blog post. We are really grateful for your blog post. You will find a lot of approaches after visiting your post. chiropodists drills

    ReplyDelete
  5. You make so many great points here that I read your article a couple of times. Your views are in accordance with my own for the most part. This is great content for your readers. podiatry vacuum drills

    ReplyDelete
  6. Assign someone in the audience to help out in case of technical failure or to let you know when you need to wrap up. NDIS Providers Kingscliff

    ReplyDelete