บันทึกงานวิ่งครั้งนี้
หมักดองไว้นานมาก วิ่งไปตั้งแต่ 15.09.13 กว่าจะได้มาบันทึกเก็บเอาไว้ก็วันที่
19.10.13 เสียแล้ว แต่ไม่เป็นไร
ยังจำความรู้สึกของการวิ่งในวันนั้นได้เป็นอย่างดี
สะพานข้ามแม่น้ำแคว |
สนามนี้เป็นหนึ่งในสนามที่ตั้งใจว่าจะต้องไปวิ่งให้ได้
เพราะได้ฟังมานักต่อนักว่าทางสวยมาก และเป็นงานวิ่งฮาล์ฟมาราธอนที่จัดขึ้นเป็นงานแรกในประเทศไทยอีกด้วย
ปีนี้ก็จัดเป็นปีที่ 32 แล้ว..แก่กว่าฉันเสียอีก
ทำให้ต้องมานั่งคิด นี่คนไทยเค้าวิ่งกันมานานขนาดนี้แล้วหรือนี่
มันมีการจัดงานวิ่งตั้งแต่ฉันเกิดอีกหรือ แล้วกว่า 28 ปีที่ผ่านมา
ทำไม๊ทำไมฉํนไม่เคยรู้เลยว่ามันมีสิ่งเหล่านี้อยู่บนโลกใบนี้
เตรียม พร้อม มาก |
งานนี้เช่นเคย
เดินทางกันครบแก๊งค์เหมือนเคย
เลือกเช่ารถตู้เหมือนทุกครั้งเพราะจะได้ไม่ต้องเหนื่อยขับรถกลับหลังวิ่งเสร็จ
ทริปนี้มีการเตรียมตัวดีมาก สมัครล่วงหน้า หาที่พักล่วงหน้า เลยทำให้ได้ที่พัก ’เขาโทนริเวอร์วิว’
อยู่ไม่ไกลจากจุดปล่อยตัวเท่าไหร่ แค่ 10 นาทีเท่านั้น
ลดเวลาการเดินทางไปและกลับจากการวิ่งไปได้เยอะทีเดียว
เดะบุญดิฉันเกิดเหตุท้องไส้ปั่นป่วน
ท้องเสียระหว่างทาง ใจก็กลัวว่างานนี้จะมีดราม่าอีกหรือ จะให้ฉันวิ่งแบบบันเทิงเริงใจสักครั้งจะไม่ได้หรือไง
อาการดูจะแย่ลงเรื่อยๆ ตัดสินใจกินคาร์บอนบรรเทาไว้
และพยายามเลือกทานอาหารที่จะไม่ไปทะเลาะกับของเดิมมากกว่าเดิม (เช่นแกงเหลือง
แกงป่า คิคิ) และถือว่านางยังโชคดี ที่อาการดีขึ้นก่อนข้ามวัน
กาญจนบุรีเปลี่ยนไปจากเดิมมาก
ครั้งสุดท้ายที่ไปเยือนน่าจะเมื่อ 20 ปีที่แล้ว สมัยยังเป็นเด็กน้อยที่อากงอาม่าหอบขึ้นรถไปเที่ยวด้วย
ความทรงจำเกี่ยวกับกาญจนบุรีมีน้อยมาก จำได้อย่างเดียว สะพานข้ามแม่น้ำแคว เดินทางไปถึง
หาอาหารมื้อเที่ยงทานเรียบร้อย ทำตัวเป็นนักท่องเที่ยวกันสักหน่อย
แล้วก็เข้าที่พัก ด้วยฝนที่ตกลงมาตั้งแต่เดินทาง และตกเกือบตลอดทริป
ทำให้วิวจากห้องพักดูสวยงามมาก แม้น้ำ ภูเขา หมอกจางๆ บรรยากาศที่เงียบสงบ ทั้งหมดทั้งมวลทำให้รู้สึกว่า
มันไม่เหมาะกับการมาเพื่อวิ่งเลยจริงๆ แต่เหมาะกับการหนีความวุ่นวายมาพักผ่อนให้มครตามหาไม่เจอ
(เพราะไม่มีทั้งสัญญาณโทรศัพท์และอินเทอร์เน็ตนะคะ) ขอสิงสถิตย์ดื่มด่ำความสงบแบบนี้นานๆได้ไหม
สาวๆรีบชวนกันเข้านอน
เพราะวันรุ่งขึ้นมีภาระกิจยิ่งใหญ่รอเราอยู่
สนามนี้เป็นสนามที่ลงระยะฮาล์ฟกันทั้งแก๊งค์
ทุกคนดูตื่นเต้นสนุกกับการเตรียมชุดและอุปกรณ์กันมาก และสำหรับฉันก็คงแนวทางเดิม
ทำตัวให้เป็นมนุษย์พรอพน้อยที่สุดเพราะมันไม่ถนัดกับการพกพาอะไรเยอะแยะเลยจริงๆ
วิ่งเคียงหมอก |
ตื่นก่อนไก่ขัน
ล้างหน้าล้างตา เตรียมตัวให้พร้อม เช้าวันนั้นกินกล้วย 1 ผล
ชีสเค้ก และคิตแคต ถือว่าเป็นเมนูที่พอดีสำหรับฉัน หลังจากลองผิดลองถูกมาหลายงงาน
ไปถึงจุดปล่อยตัวก่อนถึงเวลาประมาณ 45 นาที
ทำให้มีเวลาเตรียมใจไม่ต้องรีบ วิ่งวอร์มจากทางเข้า เข้าไปยังจุดปล่อยตัว
เม้าท์มอยทักทายพี่ๆเพื่อนๆตามประสา พยายามฟังพิธีกรเล่าเส้นทาง
และถึงกับตกใจเมื่อได้ทราบว่า..ตลอดระยะทาง 5 กิโลแรกจะเป็นทางขึ้นเขา
และขากลับ จะเป็นทางลงเขาตลอด.อ้าววว แล้วใครบอกกก ใครบอกกก ว่างานนี้เรียบๆ ชิลๆ
ไม่มีเขา โธ่!!
สัญญาณปล่อยตัวดังก็แตกคอกับเพื่อนสาวชาวแก๊งค์ทันที
บอกตัวเองว่าไม่เร่ง ไม่เร็ว เรามาซ้อม จึงพยายามไปช้าๆคุมเพซให้ไม่เร็วเกิน 7 ซึ่งก็เป็นไปตามนั้น
เพราะด้วยปริมาณนักวิ่งทั้ง 2 ระยะ (ฮาล์ฟ และ มินิ)
ที่ปล่อยตัวพร้อมกันทำให้ไม่สามารถเร่งได้เลย ประกอบกับ 5 โลแรกเป็นทางลาดขึ้นเขายาวจริงๆ
คอนเฟิร์มด้วยป้ายจราจรข้างทางที่บอกให้รู้ว่า ‘ทางลาดขึ้นเขาตลอดแนว’ จอร์จใจร้ายมาก! สารภาพตามตรงว่า 3 โลแรกก็หมดแรงเสียแล้ว ยอมแพ้กับทางขึ้นเขาจริงๆ แต่ก็ค่อยๆเตาะแตะไปเรื่อยๆ
เพราะรู้ว่าถ้าเดินตอนนั้น มันจะหยุดทันที
เพื่อนร่วมทางเบาบาง บรรยากาศรอบตัวสวยสงบ |
กิโลที่ 6 คนเริ่มเบาลางลง
นักวิ่งมินิบางคนกลับตัวแล้ว มองเขาแล้วก็บอกตัวเองว่า ทางของเรายังอีกไกล
ด้วยทางที่สวย สงบ รถน้อยมาก
และหมอกที่อยู่ตรงหน้าเหมือนจะให้เราวิ่งไปคว้ามาให้ได้ทำให้วิ่งได้อย่างไม่เหนื่อยเท่าไหร่
คอยมองการ์มืน คุมตัวเองให้ไม่ช้าเกิน 7 และไม่ให้เร็วเกิน 6
เพราะแรงจะหมด
ก่อนจะถึงเส้นชัย |
และแล้วเรื่องราวดราม่าก็เกิดขึ้นอีกครั้ง
อยู่ดีๆก็ปวดท้องมาก ปวดบริเวณท้องน้อยจนแทบก้าวขาไม่ออก
วิเคราะห์แล้วคิกดว่าไม่ใช่อาการท้องเสียแน่ แต่หวั่นว่าจะโดนผีแดงบุก
เลยให้วิ่งแบบวิตกจริตไปสักพัก เพราะหากเกิดเหตุผีแดงจริงๆ
สภายที่เพื่อนนักวิ่งร่วมทางเห็นมันจะไม่งามแน่ๆ ดิฉันจะกลายเป็นนักวิ่งสาวตกเลือดทันที
ใจก็คิดจะหยุด แล้วกลับตัวไปกับกลุ่มมินิดีไหม
แต่พลังอึดถึกใจเกินล้านในตัวยังมีอยู่มาก ตัดสินใจวิ่งต่อไป เกิดอะไร
ค่อยคิดเอาข้างหน้านะจ๊ะ และถือว่าพระเจ้ายังทรงเมตตาฉัน เพราะวิ่งไปสักพัก
อาการปวดก็หายไป เรียกสติกลับคืนมาตั้งใจวิ่ง จนกลับตัว คุยกับตัวเองว่ายังไหวไหม
ได้รับคำตอบว่าสบ๊าย เลยตัดสินใจไม่วิ่งซ้อมแล้วเว้ยเฮ้ย
สถิติใหม่ |
กลับตัวมาสักพัก
พี่ฝนที่ตั้งเค้ามานานก็ได้ฤกษ์เทลงมาซะที และจัดมาเต็มเลยทีเดียว หลังกลับตัว
เส้นทางวิ่งไร้เพื่อนนักวิ่งมาก มีเพียงฉัน และเสียงฝน
มันเป็นความเงียบที่สงบจนรู้สึกว่า มันสงบเกินไป และทำให้เหงา
เลยต้องพยายามมองหาเพื่อนร่วมทางพาหนูไปด้วย แต่ก็เพราฝนทำให้รู้สึกว่าไม่เหนื่อยและวิ่งได้สบายมากจริงๆ
ช่วง 6 กม
สุดท้ายเป็นทางลงเขา สนุกเริงร่าไม่กลัวเจ็บเลยทีนี้ วิ่งสบายและทำเวลาได้ดี ก้มดูนาฬิกา
new PB น่าจะเป็นไปได้ เลยใส่เต็มที่ไม่มียั้ง
และแล้วก็เข้าเส้นชัยด้วยเวลา 2.11 ชม. กับระยะ 21.44
กม. สถิติระยะฮาล์ฟใหม่ บนทางวิ่งคว้าหมอกที่สวยที่สุด
จบลงอย่างสวยงาม |
งานนี้วิ่งอย่างสนุกจริงๆ
เพราะมีแวะถ่ายรูประหว่างทางด้วยนะเออ พูดเลยว่านี่เป็นสนามที่ฉันมีความสุขตลอดการวิ่ง และปีหน้า จะต้องไปอีกให้ได้