Monday, July 22, 2013

[Race Diary] King’s Cup Pattaya Marathon - 21.07.13



พัทยา มาราธอน.. เจ็บ แต่ จบ

ความสำเร็จของฮาล์ฟสนามที่ 5
หลังจากสนามสุดท้ายคือ SuperSport 10 miles ถ้าว่ากันตามหลักการ งานนี้น่าจะฟิตมากเพราะห่างสนามมาพักใหญ่ (1 เดือนพักใหญ่แล้ว) พัทยา มาราธอน งานนี้พลาดไม่ได้ เป็นหนึ่งในลิสงานวิ่งอันดับต้นๆที่บอกตัวเองว่า จะต้องไม่พลาด จะต้องไปวิ่ง แม้จะเคยได้ยินเสียงลือเสียงเล่าอ้างมาตลอดว่า สนามนี้โหด แต่ก็ไม่หวั่น ด้วยความที่คุ้นชินจากการใช้ชีวิตสมัยเป็นเด็กอินเตอร์พัทยา เลยพาลคิดว่าจะมีอะไรหนักหนา(วะ) ฉันชินกับเส้นทางในพัทยาจะตาย ต่อให้หลับตายังขับรถถูกเล๊ย (นางโม้สุดๆ) ทางมันไม่มีอะไรอยู่แล้ว สบ๊ายยย..แหนะ เห็นมั๊ย บอกแล้ว นางย่ามใจมาก


ขณะดามเข่า

ด้วยความที่บาดเจ็บสาหัส กับอาการ (ที่หมอบอกว่า) เส้นเอ็นที่หัวเข่าตึง อักเสบมากจากงานวิ่งซูเปอร์สปอร์ตจนต้องดามเข่าอยู่ 1 สัปดาห์ งดวิ่ง และแกะออกเนื่องจากต้องไปต่างประเทศ จากนั้นก็วิ่งก๊อง แก๊งมาเรื่อยๆ ไม่เจ็บก็วิ่ง เจ็บก็หยุดแล้วกินยา สลับไปมาแบบนี้จนหมดยาแก้อักเสบไปสามแผง อาทิตย์สุดท้ายก่อนพัทยา มาราธอน นางทำซ่า เห็นว่าตัวเองอาการเริ่มดี จึงไปจัดวิ่งยาวๆวัดได้ 15 กิโล ต่อด้วยงานเรนโบว์รัน และหลังจากนั้น ช็อตสนิทต่อไม่ติดกันเลยทีเดียว เจ็บ..จนแทบวิ่งไม่ได้เลยก่อนวันงาน


นักวิ่งพรอพน้อย

ศุกร์ เสาร์ ก่อนวิ่ง อาการยังมา เจ็บ แต่บอกตัวเองว่าสู้น่ะ อย่าไปโฟกัสที่มันเจ็บ มันก็จะไม่เจ็บ (ไม่แนะนำให้ทุกคนดื้อนะฮะ) งานนี้เลยมาแบบไม่ตั้งความหวัง คิดเอาไว้ว่า 2.30-2.45 ชม. ขอเท่านี้ละกัน สนามนี้เหมือนจะเตรียมตัวพร้อม แต่ก็ไม่พร้อมยังไงก็ไม่รู้ กว่าจะฝ่าฟันไปถึงพัทยาก็เย็นแล้ว ฝนตก รถติด วุ่นวายมาก ไปรับเบอร์เรียบร้อย เดินชอปปิ้งเลียบชายหาดก็แทบจะหมดเวลาสนุกแล้ว  วันเสาร์รู้สึกว่ากินไม่อิ่ม กินน้อย (น้อยสำหรับการเป็นมื้อก่อนวิ่งของฉัน) มื้อเย็นก็ไม่ได้กิน และก็ไม่ลืมคุยกับพี่ลีโอขอพลังสำหรับการวิ่งในวันพรุ่งนี้ เข้านอนสี่ทุ่มพอดีเป๊ะ ตั้งนาฬิกาปลุกไว้ตีสาม..พร้อมมาก
อาหารเช้าที่จัดเต็มจนทำให้พะอืดพะอมตลอดทาง

ตีสามเป๊ะ ลืมตา อาบน้ำ (ทุกครั้งที่ลงสนามจะอาบน้ำสระผมก่อนไปวิ่งเพื่อให้ตัวเองตื่นเต็มที่) แต่งตัว ทาเคาน์เตอร์เพลน คูลที่เข่า ตามด้วยฉีดสเปรย์ Perskindol ก่อนใส่ที่รัดเข่า และสวมกางเกงวิ่ง กระซิบกับคุณเข่าเบาๆ ขอนะวันนี้ เจ็บได้แต่ขอให้เจ็บหลังวิ่งนะจ๊ะ ครั้งนี้เป็นการวิ่งที่จัดมื้อเช้าเต็มมาก ไม่เคยตื่นมาแล้วกินได้เยอะก่อนวิ่งแบบนี้มาก่อน สงสัยเป็นผลจากการไม่ได้ทานมื้อเย็น จัดไปทั้งนมช็อคโกแลต กล้วยน้ำว้า (ไม่สุกเพราะป้าคนขายหลอก) 2 ลูก โดนัท 1 ชิ้น และนมถั่วเหลือแบบจืดสองอึก เรียกว่า กินโหลดได้ระยะมาราธอนมากนะจ๊ะ

เดินออกจากโรงแรม เริ่มรู้สึกถึงความคึกคักเพราะที่พักใกล้จุดปล่อยตัวมาก (Sea Me SpringToo พัทยาซอย 10) วิ่งวอร์มวนไปมาหน้าโรงแรม และวิ่งจากโรงแรมด๊องแด๊งมาถึงบริเวณงาน มาถึงที่งานประมาณ 4.30 น. ทำเวลาได้ดี มีเวลายืดเหยียดนิดหน่อย เพราะมัวแต่เม้าท์และถ่ายรูป ณ เวลานั้น รู้สึกคึกแล้ว เอ็นโดรฟินเริ่มมา พร้อม อยากวิ่ง ลืมความเจ็บไปชั่วขณะ จนถึงเวลาปล่อยตัว พยายามเรียกสมาธิให้ตัวเอง ห่างสนามไปพักใหญ่ ไม่ค่อยคุ้นชิน สุดหายใจลึกๆ และพาตัวเองวิ่งไปตามเสียงสัญญาณปล่อยตัว

ก่อนปล่อยตัว หล่อนเฟรช และฟิต คึกคักมาก
 
1 กม.ก็เริ่มเหนื่อย เหนื่อยเร็วมาก แต่ก็ยังพยายามรักษาจังหวะการวิ่งของตัวเองอยู่ ฟังพี่แอพบอกว่า pace อยู่ที่ 6.09 กำลังดี เลยตั้งสติว่าจะต้องรักษาระดับนี้ไปให้ได้ตลอดทาง แต่นางมารในใจอีกตัวก็โผล่มาบอกว่า เอ้ยเธอ..มันเร็วไปละ เธอเจ็บนะ ผ่อนหน่อยมั๊ย สู้รบในหัวกันไปมา มารกับนางฟ้าผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะ วิ่งมาถึง กม.ที่ 2 เนินโรงแรมอะมารี เอาแล้วเว้ย เนินมันมาแล้ว เนินแรกของสนามก็ท้อใจแล้ว เหนื่อย ความร้อนเริ่มปะทุ เหงื่อออกเยอะมาก แข็งใจ แข็งใจ ถึงจุดแจกน้ำแรกก็ต้องสะพรึง เมื่อไม่มีแก้วน้ำแต่ใช้วิธีเจาะถุงให้เอามือรองรับน้ำ บอกตรงๆตอนนี้อารมณ์เสีย รับไม่ได้มากๆ จัดงานยังไงเพิ่งปล่อยตัวมาแค่ 15 นาทีแก้วหมด ได้น้ำมาแค่ลูบปาก พาลคิดว่าถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้ตลอดเส้นทางจะทำยังไงวะ ฮึ่ย!

วิ่งออกมาถึงถนนสุขุมวิท การวัดใจก็เริ่มต้นขึ้น เส้นทางวิ่งพัทยาเป็นเนินขึ้นลงตลอดทาง ปกติที่ขับรถเราอาจจะไม่ได้สังเกตเอะใจกัน แต่เมื่อคุณก้าวเท้าวิ่ง จะเห็นได้ชัดว่า มันเป็นเนินจริงๆเว้ยเฮ้ย เส้นทางพัทยาเหนือ พัทยากลาง พัทยาใต้ เทพประสิทธิ์ วัดบุญฯ เนินขึ้น เนินลงตลอดทุกทางแยก แต่ แต่..พิษอาหารเช้าเริ่มออก โดนัทพะอืดพะอมมากขึ้นมาจุกที่คอ ลังเลอยู่หลายทีว่าจะแวะเอาออกดีมั๊ย แต่ก็ตัดใจเอาวะ วิ่งไป วิ่งไป 10 โลแรกทำได้ดีมาก ช่วงใกล้จุดกลับตัวเริ่มเจอพี่ๆที่รู้จัก ทักทายกัน เลยทำให้มีกำลังใจขึ้นมานิดนึง ตอนกลับตัวบอกเลยว่าสวยมาก วิ่งสวนหลายๆคนทักทายสนุกสนาน แอบยิ้มกริ่ม แหม่..แซงหน้าหลายคนเลยเว้ย


ทะเลที่มองเห็นขณะหัวใจเต้นแรง

แต่แล้วพอเลี้ยวเข้าซอยวัดบุญฯก็เกิดอาการปีศาจทุกอย่างหมดลงจนน่าตกใจ ขาก้าวไม่ออก งอแงไม่อยากวิ่งแล้ว เริ่มเกิดอาการเจ็บเข่ามากขึ้นเรื่อยๆจากการขึ้นเนินลงเนิน แวะเดิน 200ม. ตอนกิโลที่ 12 บีบเจลเข้าปาก เพราะสำหรับตัวเองคิดว่ากินในโลที่ 15 มันออกฤทธิ์ช้าไป จากนั้นวิ่งช้าลงอย่างรู้สึกได้ชัดตลอดเส้นทางเลียบหาดจอมเทียน พยายามจะบอกตัวเองว่าให้ดื่มด่ำกับวิวทะเล พยายามหาคนเกาะ พยายามหาคนแข่งเพื่อให้ตัวเองไม่หยุด แต่..ไม่ไหวว่ะ ฮา..จนมาถึงโค้งออกหาดจอมเทียน มุ่งหน้าถนนพระตำหนัก นางเดินค่ะ เดินแบบจริงจัง ยอมให้ทุกคนล่วงหน้าไปเลย ณ ตอนนั้นขอเก็บแรงไปใช้ทางเรียบ สู้กับเนินไม่ไหวแล้วจริงๆ ช่วงกิโลที่ 15 ที่เป็นทางขึ้นเนินยาว เกิดอาการตะคริวขึ้นต้นขา ขึ้นเป็นก้อนที่ต้นขาเหนือเข่าซ้ายด้านใน เจ็บมาก แต่รู้ว่าหยุดไม่ได้ ถ้าหยุด จะวิ่งต่ออีกไม่ได้แน่ๆ บอกตัวเองว่า วิ่ง วิ่ง วิ่ง อย่าหยุด ทำตัวเป็นสาวคิดบวก ตะคริวก็ดี จะได้ลืมว่าเข่าเจ็บเพราะเจ็บตะคริวแทน (นั่น..ยังเริงรมย์) จนมาถึงโลที่ 16 หยุดเดินเข้าหาเสาไฟ ยกขาพาดเสา แวะยืดกำจัดตะคริวอยู่พักใหญ่ คาดว่าภาพผู้หญิงตะกายเสาไฟน่าจะเป็นภาพที่ตราตรึงเหล่านักวิ่งไม่น้อย 

สภาพก่อนเข้าเส้นชัย พูดได้เลยว่า "ดูไม่ได้"

กิโลที่ 17 เป็นทางลาดลง ตะคริวยังคงอยู่ แต่แรงเริ่มมาเลยพยายามใช้ช่วงเวลาแรงมาให้มากที่สุด วิ่งไป วิ่งไป เจอเนินสุดท้ายก่อนลงแหลมบาลีฮาย ตัดสินใจเดินอีกครั้ง ด้วยข้ออ้างที่ว่า เจ็บไปกว่านี้ไม่คุ้มแล้ว เข้า walking street 1 กิโลสุดท้าย ตอนนั้นหมดจนไม่เหลือแล้ว แต่ก็ยังแข็งใจว่าอีกนิดเดียวเท่านั้นนะบิ๋ม อีกนิดเดียว จิกมือ กำมือบอกตัวเองว่าเอาให้ถึง กรีดร้องสบถเบาๆตลอดเส้นทางจนเข้าถึงเส้นชัย เงยหน้าขึ้นไปมอง 2.20 ผิดหวังเล็กๆ แต่ก็บอกตัวเองทำได้ดีแล้ว

สรุปสุดท้าย ฮาล์ฟมาราธอน สนามพัทยา มาราธอน 2013 จบลงที่ 21.6 กิโล (แถมให้ซะเยอะเลยนะคะพี่) กับเวลา 2.20.00 (เป๊ะมาก) ได้อันดับที่ 18 ของรุ่น F20-29 เหนื่อยมาก เหนื่อย จำได้เลยว่าตอนเข้าเส้นชัยยืนรอให้น้องๆตัด chip หาใจแรงมาก หอบจนเห็นหลายคนมองด้วยความเป็นห่วง เดินออกมาเจอพี่ๆที่เคารพก็ต่างพากันทักว่า “ไหวมั๊ย” 

เจ็บ แต่ จบ เย่!

พัทยามาราธอน เส้นทางโหดสมคำร่ำลือจริงๆ ถ้าไม่เจ็บ จะทำได้ดีกว่านี้ ถ้าไม่ป๊อด ไม่งอแง ก็จะทำได้ดีกว่านี้ คราวนี้พะวงเรื่องบาดเจ็บมากเกินไป (ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ถูกแล้ว) ใจเลยไม่สู้จริงๆ พอกลับเข้าโรงแรม พี่เข่าส่งเสียงโวยวายกันเลยทีเดียว เจ็บช็อต จี๊ด บรรยายไม่ถูก กลับมาสภาพเดิมแบบที่เดินแทบไม่ได้ รีบจัดการประคบเย็น ทายา และพันเข่าโดยด่วน เรียกว่างานนี้ให้สามคำเลย “เจ็บ แต่ จบ” หรือ “จบ แต่ เจ็บ” ดีนะ 


ระหว่างทางที่เดินกลับโรงแรม เจอเหล่าผู้กล้านักวิ่งมาราธอนยังคงทะยอยเดินเข้าเส้นชัย เป็นภาพที่รู้สึกตราตรึงและประทับใจในหัวใจของนักวิ่งมาราธอนทุกคนมากๆ พวกคุณคือผู้ชนะทุกคนจริงๆ เรายังหมดสภาพถึงเพียงนี้ แต่พวกคุณยังดูยิ้ม และดูมีความสุขกันมาก พวกคุณสุดยอดจริงๆ.. ..แล้วปีหน้าเจอกันใหม่แน่ๆ เจ้าพัทยา มาราธอน

6 comments:

  1. ไปอีกๆ แค้นเนินอมารี

    ReplyDelete
  2. อ่านแล้วกระตุ้นต่อมอยากวิ่งมาก ร้างลามาร่วม 2 เดือน เอาอีกแล้วนะ หล่อนเป็นแรงบันดาลใจชั้นอีกแล้ว ขอบคุณมาก อ้อ รักษาเข่าดีๆ จะได้มีไว้เช็ดน้ำตา อร๊ายยย พูดอะไรออกไป รักแกนะ

    ReplyDelete
  3. อ่านละเพลิน ปูเสื่อรอตอนต่อไป

    ReplyDelete
  4. หายไวๆนะครับ เจํบอยู่เหมือนกันเลย

    พยายามรักษาขาหน่อยนะครับ

    ReplyDelete
  5. เจ๋งมากครับ ติดตามผลงานอยู่
    เคยเห็นวิ่ง ที่สวนลุมบ่อยๆครับ

    ReplyDelete
    Replies
    1. ขอบคุณมากนะคะ วันหลังเข้ามาทักทายกันได้นะคะ

      Delete