Monday, March 25, 2013

[Race Diary] Mitsubishi Electric Run for Health: เมื่อวิ่งอย่างไม่ประมาณตน



24.03.13 มินิมาราธอนกับ (อีก) บทเรียนจำฝังใจ

ช่วงนี้ต่อมดราม่าสวยทำงานหนักไปนิด แต่ก็ไม่คิดว่าความดราม่ามันจะลามมาถึงการวิ่งของสวย งานที่แล้ว (บิ๊กซี) ก็ดราม่าเรื่องถ้วยรางวัลไปครั้งนึง คิดว่าน่าจะไม่มีดราม่าอะไรอีก และตั้งใจแน่วแน่ว่างานนี้ขอแก้มือหน่อยเถอะ พลาดถ้วยงานที่แล้ว งานนี้แหละวะ ขอเอาแอร์ ตู้เย็น พัดลมไปฝากแม่หน่อย (วิ่งหวังของตล๊อด)

ย้อนกลับไปตอนสมัครลงวิ่งงานนี้ ไม่ได้สนใจอะไรเลยว่างานจะเป็นยังไง ใครจัด รู้แค่ว่าอยากวิ่งบนสะพานพระรามแปด เพราะสวยดี และส่วนตัวชอบวิ่งบนสะพานมากกว่าเพราะมักจะจัดการกับการจราจรได้ดีกว่า ไม่ต้องวิ่งดมควันรถเท่าไหร่ ไม่วุ่นวายเหมือนวิ่งบนถนน แต่ข้อเสียของการวิ่งบนสะพานคือ มันร้อนมาก วิ่งกี่ครั้งก็ร้อน แต่ไม่เป็นไร เดี๋ยวจะเตรียมตัวดีๆ 



ด้วยเหตุผลอะไรก็ไม่อาจรู้ได้ ที่ทำให้ทั้งอาทิตย์ที่ผ่านมาไม่สามารถวิ่งซ้อมได้ดั่งใจ อาจจะเป็นเพราะความน้อยใจจากการพลาดถ้วย หรือความเหนื่อยล้าของร่างกายก็เป็นได้ อาทิตย์ที่ผ่านมาทั้งวีคจึงวิ่งเตาะแตะ ไม่สามารถวิ่งได้เต็มที่แม้ใจจะอยากวิ่งก็ตาม จึงตัดสินใจหยุดพักสองวัน ศุกร์ และ เสาร์ เพื่อเก็บแรงไว้วันอาทิตย์จะระเบิดพลัง 

และเมื่อตั้งใจจะพัก แปลว่าต้องไม่วิ่ง เมื่อไม่ต้องวิ่งก็ไม่ต้องนอนเร็ว สามารถซ่าได้ สวยก็จัดเต็มไป วันศูกร์จัดเต็ม ไม่มีลิมิต ชีวิตเกินสามร้อย จนวันเสาร์ซมซานไปหนึ่งวัน แต่บอกตัวเองอย่างมั่นใจ เอาน่ะ นอนทั้งวันเดี๋ยวอาทิตย์ก็คึกเอง ด้วยความหวั่นว่าวันอาทิตย์จะไม่มีพลัง วันเสาร์เลยจัดเบาๆ อย่างนี้มันต้องถอน ถอนจริงค่ะ หมดรากหมดโคนเลยทีเดียว

ลางร้ายเริ่มมาเยือนตอนนอนอยู่ รู้สึกว่าปวดท้อง หลับไม่สบาย นาฬิกาปลุกตื่นมาอย่างแรกที่ทำคือ อาเจียน ยังชะล่าใจคิดว่าออกแล้วคงหายเพราะทุกทีก็มักเป็นแบบนี้ เตรียมตัวไปจุดปล่อยตัว แต่เมื่อไปถึง อย่างแรกคือเข้าห้องน้ำ คราวนี้มาหมด ทั้งอาเจียน และท้องเสีย เริ่มรุ้สึกแปลก รู้สึกว่าไม่ไหวแน่ และครุ่นคิดว่าเอาไงดีวะ หล่อบอกให้ไม่ต้องวิ่ง เพื่อนๆบอกว่าอย่าไปมั๊ย หรือก็จัดฟันรันไปสวยๆก็พอ ฉันก็ยังคงคิดไม่ตก มัวแต่เสียดาย อุตส่าห์มา อุตส่าตื่น สุดท้ายก็ดันทุรังลงสนามไป

หลังจากปล่อยตัว วิ่งไปสองกิโลแรกยังรู้สึกสบายดี แต่ไม่รุ้อะไร ทำให้ชะลอ หยุด แล้วหลังจากนั้นก็วิ่งไม่ได้อีกเลย ลังเลว่าจะเดินกลับตัว ตรงจุดกลับตัวฟันรันดีมั๊ย แล้วก็ยังดื้อ บอกตัวเองว่า ไปต่อเถอะ ไม่ได้แย่ขนาดนั้น จนไปถึงโลที่สามกว่าๆ แย่มาก ตาลายแล้ว รู้สึกว่าโคตรไม่ไหว แต่ก็ยังคิดว่า เอาไงดีวะ จนวิ่งสวนกับหล่อ ตะโกนบอกหล่อว่า ไม่ไหวแล้ว หล่อทำท่าว่าให้เลิกซะ ตอนนั้นคิดว่าจะกลับตัววิ่งย้อนไปพร้อมหล่อ แต่หล่อไม่รอสวยอยู่ดีนี่ แล้วเค้าจะหาว่าเราโกงมั๊ย เลยไม่เอาดีกว่า เดินต่อไป ที่ยังเดินต่อ เหยาะๆต่อแต่คิดแล้วว่าจะเลิกแข่งแล้ว เพราะหวังว่าจะมีรถหรือใครสักคนพาลงมา แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่มี วิ่งสวนกับเพื่อนก็ทำสัญญาณบอกเพื่อนว่า กูไม่ไหว แต่อะไรไม่รู้ ทำให้ฉันยังไม่หยุด ไม่เคยมีประสบการณ์ว่า ถ้าไม่ไหวต้องทำยังไง เลยคิดเองว่าเอาน่ะ ไปต่อ เดี๋ยวมันต้องมีคนช่วยเรา จนมองเห็นรถพยาบาลจอดอยู่ไกลๆ คิดว่าแสงสว่างมาถึงแล้ว

สะพานพระรามแปดก่อนปล่อยตัว

พุ่งเข้าหาเหล่าพี่พยาบาล ทุกคนมองหน้าว่าน้องมาทำไม แหม่..ถ้าฉันไม่หมดสภาพ ฉันไม่แวะทักพี่หรอก ทุกคนดูงง ฉันเลยงงไปด้วย สุดท้ายเค้าคงตั้งสติกันได้ เลยเอาแอมโมเนียมาให้ฉันดม พร้อมรถเข็นมาให้นั่ง บอกว่างั้นน้องนั่งพัก นอกนั้นพี่ทำอะไรไม่ได้ ระหว่างที่นั่ง ก็ยังอาเจียนไปด้วย เลยถามเค้าว่า พี่ไปส่งหนูได้มั๊ย ได้ค่ะ แต่ไม่ใช่ตอนนี้ ต้องรองานเลิกพี่ถึงจะลงได้ แล้วให้หนูทำไง น้องก็นั่งรอไป หรอืไม่ก็ค่อยๆเดินไปก่อน แล้วพี่ค่อยแวะไปเก็บ แล้วฉันเลือกอะไรได้ไหม ระหว่างนั่งตากแดดบนทางยกระดับในหมู่พยาบาลหน้ามน กับอดทนเดินพาตัวเองลงมา จะได้กลับบ้านซะที เมื่อเกิดมาตนต้องเป็นที่พึ่งแห่งตน ฉันเลยตัดสินใจเลือกพึ่งสองเท้าของตัวเอง ชีวิตนี้มันพึ่งใครไม่ได้จริงๆ จากเหล่าพยาบาลมา พร้อมของกำนัล แอมโมเนีย 5 ก้อน ที่ให้ฉันพกติดตัวมาใช้ระหว่างทาง ตรึงใจจริงๆ


เดินจากจุดกลับตัว สลับวิ่งมาเรื่อยๆ จนมาพี่ตำรวจตรวจกาณ์ท่านหนึ่ง ตะโกนบอกเค้าว่าพี่คะ ขอติดรถลงมาได้มั๊ย เค้าทำท่าลังเล พร้อมบอกว่า ขอพี่ขี่ไปดูตรงนั้น แล้วจะกลับมารับ ตกลงกันตามนั้น ฉันจึงวิ่ง และเดินไปเรื่อยๆเพื่อรอ สุดท้ายพี่เค้ากลับมาตามหาเราจริง ระหว่างที่ฉันลังเล อาแปะคนนึงวิ่งมาแล้วพูดว่า อ้าว แบบนี้มันดกงกันนี่นา สถานการณ์หยุดนิ่ง ฉันหันไปมองหน้าแปะ แล้วบอกพี่ตพตรวจว่า ไม่เป็นไร อีกสามโลเอง เดี๋ยวหนูค่อยๆไป ยกมือไหว้ขอบคุณ พร้อมกับที่แปะหันมาพูดกับฉันว่า ล้อเล่นนะครับ

รูปนี้ช่วยยืนยันคำว่า 'สวนหมดสภาพ' ได้ดีจริงๆ

พาตัวเองเตาะแตะ วิ่งๆเดินๆมาเรื่อยๆ แดดร้อนมาก ร้อนจนคิดว่า ถ้าตายบนนี้ สภาพศพต้องดูเป็นศพชะนีแห้งกรังไม่งามแน่ๆ หันกลับไปมอง ยังมีคนตามเรามาอยู่เยอะนี่นา เอาน่ะ สู้อีกนิด เป็นอีกงานที่เจอผู้จัดงานใจดี แถมระยะให้ได้แวะชมความงามของสะพานพระรามแปด ในเมื่อเค้าแถม และพาตัวเองมาจนถึงจุดนี้ ก็เอาวะ จัดให้ครบระยะ มันคงไม่มีอะไรแย่ไปกว่านี้แล้ว

วินาทีที่เห็นเส้นชัย ดีใจมาก ทุกอย่างกำลังจะจบแล้ว ยังไม่วาย วิ่งเข้าเส้นชัยสวยๆด้วยนะ พร้อมองเห็นเวลา 1.48 ชม. รับไม่ได้กับระยะเวลาที่ใช้ไป ผิดหวังกับตัวเองมาก แต่ เอาเถอะ ไม่ตายก็ดีแล้ว ก้าวเข้าเส้นชัยปุ๊ย เจอพี่พยาบาลคนเดิมยื่นยาดมให้ พร้อมบอกว่า มันเก่งนี่หว่า ลงมาถึงด้วย ฉันเลยถามไป แล้วทำไมพี่ไม่แวะรับหนู พี่หาหนูไม่เจอขอบใจ สงสัยฉันยังไม่สวยโดดเด่นพอสินะ

ยิ้มที่เกิดจากแรงเฮือกสุดท้าย งานนี้ 'สวยตายค่ะ'

หล่อเดินมารับ เพื่อนสาวเดินมารับ ทุกคนเป็นห่วงมาก เพราะสภาพตอนนั้นรู้ตัวเลยว่าแย่มาก ซีดมาก ซีดจนอาแปะต้องทักบอกหล่อว่า ดูน่าจะไม่ไหวแล้วมั๊ง ทำไมซีดขนาดนี้ ยืนพักแปบนึง ยังไม่ทันได้ถ่ายรูปเล่นสมใจ ทั้งที่อยากสนุก อยากเล่นกับเพื่อนๆเพราะงานนี้มากับหลายคนเชียว แต่รวบรวมพลังเฮือกสุดท้ายไม่ไหว มันหมดแล้วจริงๆ


สรุปสภาพสุดท้าย คือ สลบไม่รู้เรื่องไปหนึ่งวัน ไม่สามารถทานอะไรได้ และไร้เรี่ยวแรงไปทั้งตัว คาดว่าเกิดจากหลายปัจจัยผสมผสาน จนทำให้ฉันมายืนอยู่นะจุดนี้ ขณะที่นั่งโม้อยู่นี้ สภาพก็ยังไม่ปกติดี แล้วฉันได้เรียนรู้อะไรจากเหตุกาณ์ครั้งนี้บ้าง? จงประมาณตน หากตนไม่รู้จักประมาณตนก็จงฟังคำเตือนจากคนข้างๆ หากยังดื้อไม่ฟังคนข้างๆ ถ้าไม่รอดแน่แล้วให้เลิกแล้วเดินย้อนกลับมา อย่าคิดว่าไปแล้วจะมีอะไรดีๆรออยู่ มันไม่มี 

อีกอย่างที่ฉันได้เรียนรู้ ตนมันเป็นที่พึ่งแห่งตนจริงๆนะ สุดท้ายแล้ว ก็มีแต่ตัวเรา ที่ต้องพึ่งตัวเรา อย่าคิดจะเอาชีวิตไปฝากไว้กับใคร.. อีกอย่างที่ทำให้ความรู้สึกจากการวิ่งครั้งนี้แย่ที่สุดคือ ความดื้อของฉันเองแท้ๆที่ทำให้ทุกคนเป็นห่วงมาก พอกันทีกับการวิ่งแบบดราม่า ขอลั่นวาจาไว้ ณ ที่นี้ แล้วมาดูกัน ดราม่าตอนต่อไปจะเกิดขึ้นอย่างไร ฮา...

6 comments:

  1. ฟังอาการแล้ว หนักนะนั่นน้องสวย

    พี่เคยเจอคล้ายๆแบบนี้ ไม่รู้คุณป้าแกทำไรมา หน้าซีดหมดสภาพมาก
    พอถึงเส้นชัย ยืนเบลอๆอยู่ท่ามกลางลูกๆที่รอรับ จู่ๆแกก็ล้มทั้งยืน แบบต้นไม้โค่นเลยอ้ะ
    เดชะบุญ แกไม่ได้ยืนอยู่คนเดียว ลูกๆรับไว้ได้ทัน
    ไม่งั้นหัวฟาดพื้นแน่นอน

    เรายังต้องวิ่งกันไปอีกนานนนน รักษาเนื้อรักษาตัวให้ดีสวยเอ๊ยยยย

    ReplyDelete
    Replies
    1. ขอบคุณนะคะพี่ป้อม เข็ดจนตาย จำจนตายเลยค่ะ
      สัญญาไว้ตรงนี้ จะดูแลตัวเองเพื่อวิ่งอย่างยั่งยืน :)

      Delete
  2. อืม .. แย่จัง ระบบการจัดการงานวิ่งในไทย .. แอบเซ็ง.. ถ้าเผื่อเราเป็นลมไป ก็คงต้องรอบนนั้นจนกว่าจะวิ่งกันเสร็จ รถถึงลงมาได้ใช่มั๊ย.. จะมีรถพยาบาลไว้ทำอะไรเนี่ย..

    ประสบการณ์ครั้งนี้นอกจากประมาณตนแล้วก็เรื่องไม่ประมาทนะ และการวางแผนที่ดี .. พักผ่อน และอาหารสำคัญมาก

    ReplyDelete
    Replies
    1. ขอบคุณค่ะพี่ฮั้ว อากาศเมืองไทยช่วงนี้มันไม่เหมาะกับการวิ่งจริงๆ สั่งคนจัดงานไม่ได้ ก็ต้องประมาณตนเองล่ะค่ะ 555

      Delete
  3. ผมไปวิ่งงานนี้เหมือนกัน ทั้งๆ ที่มีอาการเจ็บเข่าและต้นขาจากการซ้อม แต่ก็ลองไปวิ่งดู วอร์มเบาๆ ก็เจ็บแล้ว รู้ตัวที่เส้น Start เลยว่าไม่น่ารอดครบระยะ ครั้งนี้เป็นการวิ่ง (กึ่งเดิน) ที่เจ็บปวดที่สุด T T เป็นเช้าที่อากาศร้อนระอุ โหดเกินพิกัด ช่วงก่อนจะกลับตัวลงสะพาน เห็นคนเป็นลมนอนกับพื้นคอนกรีตร้อนๆ มีเพื่อนนักวิ่งเอายาดมให้ดมอยู่ แต่สักพักก็มีรถพยาบาลวิ่งสวนขึ้นมา ประเมินตัวเองไว้ก่อนดีที่สุดครับ

    ReplyDelete
    Replies
    1. ใช่ๆ ลงมาถึงเส้นชัยเห็นมีคนนอนเป้นลมอยู่เยอะ สงสัยถ้าจะได้ลงมาแบบเอ็กซ์คลูซีฟจะต้องลงไปนอนกับพื้นเลยจริงๆ อากาศมันร้อนมาก ยังไงพี่ก็ดูแลตัวเองด้วยนะคะ เราจะวิ่งอย่างไม่ดราม่ากันเน้อ

      Delete