หลังจากที่ร่างกายอ่อนแอ
หมดสภาพไปจากงานมิตซูที่ผ่านมา ตอนที่ป่วยนี่มันไม่มีความรู้สึกอยากวิ่งเลยนะ
มันแขยงมาก จนพาลให้สั่งตัวเองพักไปสองวันเต็มๆ และเริ่มกลับไปวิ่งอีกครั้งเมื่อวันพุธที่ผ่านมา
เพราะรู้สึกว่าดีขึ้นแล้ว แม้จะยังมีอาการตุ่ยๆแปลกๆอยู่บ้าง แต่ก็คิดว่าตัวเองน่าจะไหว
และก็ได้รู้ว่า ‘ยังไม่หายนี่หว่า’ ก็ตอนพาตัวเองลงไปวิ่งแล้วนั่นแหละ
อาจเป็นเพราะวันพุธนั้นเป็นวันที่ต้องทำงานข้างนอก
ตะลอนตระเวณทำหน้าที่นางงามเดินสายทั้งวัน แดดเดือนมีนาแสนระอุ
กับการจราจรในกรุงเทพฯที่แสนหฤโหด
การจบวันด้วยการวิ่งในสวนหลังแดดเพิ่งหมดไม่ใช่เรื่องฉลาดเลยจริงๆ วิ่งไปได้สองรอบสวนลุม
ถึงกับต้องบอกตัวเองว่า ‘หยุดเถ๊อะ ถ้าไม่อยากกลับไปหมดสภาพอีก’
สภาพอากาศช่วงนี้ไม่เหมาะกับการวิ่งเลยจริงๆ
ระหว่างวันขณะนั่งทำงานในหัวจะคิดกังวลเสมอ ว่าวันนี้จะวิ่งดีไหม ใจอยากวิ่งเหลือเกิน
แต่บอกตรงๆทนรับสภาพอากาศไม่ไหวจริงๆ แต่..เมื่อมีเป้าหมาย ก็ต้องวิ่ง เมื่อวานไปถึงสวนลุมด้วยอาการใจลอย
อยากๆแต่ไม่อยาก ไม่เป็นไร วิ่งไป
ตอนวิ่งวอร์ม รู้สึกแปลกกับตัวเอง ทำไมเราวิ่งได้ดี รู้สึกสบายใจมาก
ไม่รู้สึกกดดันเลย เรียกสติจากความใจลอยกลับมาเพื่อพิจารณาการวิ่งของตัวเองว่า เหตุใดจึงวิ่งได้อย่างเป็นสุข
แล้วก็พบว่า เพราะฉันวิ่งอยู่กับตัวเอง ไม่สนใจคนรอบข้าง ไม่เอาตัวเองไปวิ่งกับใคร
วิ่งด้วยจังหวะของฉันจริงๆ ตัดความรู้สึกที่ว่าใครจะคิดว่าเราวิ่งช้า วิ่งเตาะแตะ
วิ่งไม่เป็นออกไปให้หมด เออ..พอตั้งโลกสูญญากาศของตัวเอง มันวิ่งอย่างสบายใจจริงๆ
ระหว่างเหยียดยืด
บอกตัวเองว่าเดี๋ยวพอไปวิ่งต้อง Nice, Soft, and Easy นะวันนี้
เพราะยังติดใจความรู้สึกเมื่อกี๊อยู่ ออกวิ่ง และไปแบบค่อยเป้นค่อยไป
ไม่กดดันตัวเองว่าต้องทำเวลา ไม่กดดันตัวเองเวลามีใครวิ่งแซง ค่อยไปๆ
มีสมาธิกับลมหายใจ หน้ามองตรง ไม่วอกแวก หัวโล่งมากไม่คิดอะไรเลย
ทั้งที่พยายามจะใช้ช่วงเวลาวิ่งคิดนนู่นนี่เพื่อหาคำตอบหลายๆอย่างให้กับตัวเอง
แต่วันนี้หัวมันโล่ง สบายเกินกว่าจะคิดอะไร มีแต่ตัวฉัน กับจังหวะของสองเท้าจริงๆ
แล้วมันก็เป็นอีกหนึ่งวันที่วิ่งได้ดีมาก ไม่เหนื่อยจนเกลียดการวิ่ง วิ่งไป 3
รอบโดยไม่หยุดเลยในจังหวะที่สวยงาม ยังวิ่งต่อได้ แต่บอกตัวเองให้หยุดทั้งที่ยังสนุกและอยากวิ่ง
เพราะจะได้อยากกลับมาวิ่งอีก แม้จะคิดอะไรไม่ได้ระหว่างวิ่ง แต่มันโล่ง
และปลดปล่อยอย่างบอกไม่ถูกจริงๆ กลับบ้าน อารมณ์ดี นอนหลับสนิท
เวลาที่เราเลิกสนใจโลกรอบข้าง
เลิกใส่ใจกับสิ่งที่หมุนอยู่รอบตัว และตัวฉันมีแต่ตัวฉันเท่านั้น เมื่อนั้น..ฉันสุข
แปลว่าวันนี้วิ่งอย่างมีความสุขจริงๆ ^^
ReplyDelete