“ครั้งแรกกับการเจอโรคแพ้ความสูงเล่นงาน”
[22 ธันวาคม 2559] Pangboche (3,985m) – Dingboche (4,358m)
ระหว่างเส้นทางเดินวันนี้ |
ตื่นมาเช้านี้ด้วยอาการอึนๆ เบื่อๆ
นี่เราเดินทางมาแค่ 6 วันเองนะ
แต่ทำไมกลับมีความรู้สึกเบื่อแล้ว อาจเพราะระหว่างทางมันไม่มีอะไรนอกจากภูเขา
อ้าว.. ก็มานี่เพราะชอบภูเขาไม่ใช่เรอะ มันก็ใช่ แต่บางทีมันก็เยอะไปไง
ตลอดทางมันไม่มีอะไรเลยนอกจากภูเขาที่โผล่มาทักทาย
แล้วก็มีแม่น้ำที่โผล่มาทำให้ร้องว้าวบ้างในบางที นอกนั้นก็มีแต่ฝุ่น ควัน หิน
ความร้อน เอาจริงๆ สำหรับใครที่ไม่ได้อยากเดินทางไกล แต่อยากเห็นแค่เอเวอร์เรสต์
มาแค่นัมเชก็พอ
สองบอดี้การ์ด |
เดินกับแบบเหงาๆ แค่เราสามคน |
เช้านี้ที่ Pangboche หนาวมาก
หนาวกว่าทุกเช้าที่ผ่านมา หนาวจนเราไม่ยอมถอดเสื้อดาวน์ออกซักที หนาวจนเดินออกไปถ่ายรูปได้แค่แปบเดียวก็ต้องกลับเข้ามา
หรือการสระผมเมื่อวานของเรามันจะเป็นจุดเปลี่ยนทำให้เราป่วย?
วิวและสภาพทางเดินสำหรับวันนี้ |
เมื่อเกิดอาการงอแง จึงอยากกินของที่คุ้นเคย
เช้านี้เลยขอน้ำร้อนมาเพื่อชงกับโอวัลติน swiss 3-in-1 เพราะเชื่อว่า
hot chocolate จะเยียวยาทุกสิ่ง
กับลูกหาบคู่ใจ |
ออกเดินทางตอน 9 โมงเช้ามาถึง
Dingboche เที่ยงตรงพอดี อย่างที่บอกว่า การเพิ่มระยะการเดินเมื่อวาน
ทำให้วันนี้ของเราเป็นวันง่ายๆ ซึ่งจริงๆแล้วจะมาถึงเร็วกว่านี้ก็ได้ แต่ด้วยความที่รู้ว่าถ้าเข้าที่พักเร็ว ก็จะยิ่งไม่มีอะไรทำ
พวกเราเลยเดินกันเอ้อระเหยมาก เดินสปีดเดียวกับ Yak ระหว่างทางอากาศเริ่มเย็นขี้นจนรู้สึกว่ามันแตกต่างกับวันอื่นๆที่ผ่านมามาก
มีแดดตลอดแต่ไม่ร้อน เป็นลมเย็นๆพัดมาให้เดินสบาย วันนี้ด้วยการเดินสปีด Yak
เราเลยเลือกพักกันที่ Yak Hotel
วันนี้ตอนเริ่มเดินมีอาการมึนหัวและมวนท้องแปลกๆ
เลยพยายามเดินช้ามากๆ ตอนมาถึง Dingboche ได้สักพักก็มีอาการมึนหัวหน่อยๆ
จึงพยายามเริ่มทำอะไรช้าๆ รู้สึกว่าง่วงมากๆ อยากจะหลับเสียให้ได้
แต่ไกด์บอกว่าห้ามนอนนะ จะไปซักผ้าไหม นี่ไกด์กับลูกหาบก็ออกไปซักผ้ากันสนุกสนาน
ส่วนเราก็นั่งอ่านหนังสือไป แต่สติไม่อยู่กับตัวละเพราะง่วง
เครื่องดื่มที่เราชอบมากที่สุดตลอดการเดินทางทริปนี้คือ
Ginger
tea ชาขิงของที่นี่เด็ดตรงที่เป็นการหั่นขิงสดลงไปแช่ในน้ำชา ดื่มแล้วสดชื่นหายเหนื่อยดี
โมโมผัก |
Dingboche |
พลังงานแงอาทิตย์ |
นั่งอยู่ในห้องอาหารสักพักเริ่มเบื่อ ออกไปเดินเล่นได้สักพักก็หนาวเลยกลับเข้าไปในห้องตัวเอง เข้าไปนั่งนิ่งๆนั่นแหละเพราะไม่มีแรงอยากทำอะไร แล้วอยู่ดีๆ ก็หลับไปในท่านั่งเท้าข้าง สะดุ้งตื่นมาเพราะจำได้ว่าไกด์บอกว่าห้ามหลับนะ เลยเดินกลับมาที่ห้องอาหารอีกครั้ง
สภาพห้องพัก |
ปวดหัวมาก ปวดตุบๆแบบหัวจะระเบิด ไกด์เห็นนั่งซึมๆเลยมาถามว่าเป็นยังไงบ้าง
พอเราบอกไปว่าเราปวดหัวมาก เท่านั้นแหละ ไกด์หน้าถอดสีเลย แล้วรีบถามต่อว่า “ยูปวดตรงไหน?”
เราตอบไปว่า “ปวดตรงท้ายทอยด้านหลังหัว” ไกด์บอกว่าโอเค
ถ้าปวดตรงนี้ก็น่ากังวลแล้ว ยูพยายามกินข้าว แล้วกิน Diamox เพิ่มตอนเย็นอีกครึ่งเม็ดแล้วไปนอน
แล้วเรามาดูอาการกันอีกทีเช้าวันพรุ่งนี้
ถ้าไม่หายเราก็ต้องพักกันที่นี่อีกวันหนึ่ง
Noodle veg soup รสขาติแย่มาก |
สำหรับหลายคน Dingboche จะเป็นจุดพัก Acclimatization อีกจุดหนึ่งหลังจากนัมเช
เพราะจากตรงนี้ขึ้นไป จะเป็นระดับความสูงที่เริ่มมีผลกับร่างกายแล้ว
ถ้าใครมีวันพักทีนี่ ก็จะไปเดิน hike ขึ้นเขาใกล้ๆนี่แหละ
ใช้เวลาเดินประมาณ 2 ชม. แต่เราที่ไม่มีวันพอสำหรับการพัก เราจึงต้องสังเกตตัวเองมากกว่าคนอื่น
ก็ได้แต่หวังว่าตื่นมาพรุ่งนี้เช้าอาการปวดหัวจะหายไป
แสงสุดท้ายของวันที่ Dingboche |
อาการเรายังไม่หนักมาก
ดูได้จากยังสามารถกินอาหารได้อยู่ มีหนุ่มช่างภาพชาวเนปาลีก็มีอาการและดูแย่มากกว่าเรา
ในห้องอาหารคึกตักมากเพราะมี 2 กลุ่มใหญ่มาพักด้วย เล่นเกมกันสนุกสนาน
เราก็ได้แต่องและนั่งหัวเราะ ไม่มีแรงจะไปเล่นด้วยจริงๆ
พาตัวเองเข้านอน ทั้งที่ใจกังวลมาก อาการปวดหัวมันทรมานมากจริงๆจนยากจะข่มตาหลับ
อากาศก็หนาวมาก Diamox ก็กินแล้วปวดฉี่มาก
อยากให้คืนนี้ผ่านไปเร็วๆเหลือเกิน
No comments:
Post a Comment