Saturday, February 11, 2017

[Foot Fit Journey] เรื่องเล่าจาก Everest Base Camp Trekking: Day 1 Kathmandu

“กาฐมาณฑุ ไม่ดุอย่างที่คิด”

[17.12.16]

การเดินทางครั้งนี้เริ่มต้นอย่างสวยงามอารมณ์ดี ใช้สิทธิ์นั่ง Uber ฟรีของ Dtac Blue Member เข้าเล้าจน์ฟรีด้วยกรุงศรี ซิกเนเจอร์ สิทธิพิเศษสมฐานะ ขัดก็แต่สภาพที่ดูเหมือนเนปาลีเตรียมกลับเขา และอารมณ์เสียตรงที่สแกนพาสปอร์ตไม่ผ่านเหมือนเดิม

ทริคเล็กๆของการเลือกที่นั่งสำหรับไฟลท์กรุงเทพฯ – กาฐมาณฑุ ที่หลายคนรู้ ขาไปให้นั่งฝั่งขวา ขากลับให้นั่งฝั่งซ้าย แล้วคุณจะจิบชาชมวิวหิมาลัยที่ออกมาต้อนรับ และมาโบกมือลาอย่างเพลินๆ แต่..ไม่ต้องห่วงว่าจะพลาดการรับชม เพราะเมื่อบินถึงจุดชมวิว และท้องฟ้าปลอดโปร่ง กัปตันเขาจะประกาศให้รับชมเอง

หิมาลัยออกมาต้อนรับ

ดินแดนแห่งภูเขา

แว่บแรกที่ก้าวเท้าเข้าสนามบินตรีภูวัน (Tribhuvan International Airport) รู้สึกได้เลยถึงพลังบางอย่าง พลังของความยูนีค เก๋า เป็นตัวเองของประเทศนี้ รู้สึกได้ว่า ที่นี่มีอะไรให้ค้นหามากมาย โลกจะไปถึงไหนฉันไม่รู้ แต่ฉันจะเป็นตัวเองในแบบของฉันนี่แหละ




พูดตรงๆว่าก่อนจะมาเนปาล จินตนาการถึงความวุ่นวาย และความสับสนอลหม่านตามแบบฉบับของชาวอินเดียที่เราเคยพบเจอมา แต่กาฐมาณฑุไม่แย่เท่าที่คิด เราไม่เคยไปอินเดีย แต่เคยอยู่ในที่ๆมีคนอินเดียและปากีสถานเยอะ เรารู้สึกได้ว่าคนเนปาลีมีความขี้เกรงใจมากกว่า และทำให้เรารู้สึกอึดอัดน้อยกว่า แต่เลเวลความตื้อดื้อดึงนี่พอๆกันหมดนะ หรืออาจจะเป็นเพราะเราอยู่ในย่านนักท่องเที่ยว ที่พวกชินกับการต้อนรับนักท่องเที่ยวแล้วก็เป็นได้

เวลคัมกิ๊ฟจากไกด์

กาฐมาณฑุมีความวุ่นวายตามสไตล์เมืองหลวง รถส่วนใหญ่เป็นรถคันเล็ก ขับกันแบบตามใจฉัน ที่ไม่มีสัญญาณจราจรยังคงใช้ตำรวจจราจรโบกรถตามแยกใหญ่ๆ ปีบแตรกันสนั่นหวั่นไหว ฝุ่นควันคละคลุ้งเต็มถนน แต่ด้วยอุณหภูมิประมาณ 10 องศา อากาศเย็นสบาย บวกกับความตื่นเต้นเมื่อเจอสิ่งแปลกตา จึงทำให้ไม่รู้สึกหงุดหงิดใจสักเท่าไหร่นัก


Hotel Thamel

ห้องพักราคา 45 USD

วิวหลักล้านจากห้องพัก

เช็คอินเข้าโรงแรม Hotel Thamel ไกด์แจ้งว่า 5 โมงเรามาเจอกันที่ล็อบบี้นะ จัดแจงขึ้นห้อง นั่งถอนหายใจยาวๆ การผจภัยเริ่มแล้วจริงๆ ออกไปแลกเงิน พยายามเดินดูหลายร้านเพื่อหาร้านที่เรทดีที่สุด สรุปแล้วร้านแรกโรงแรมนั่นแหละดีสุดแล้ว เดินเล่นนิดหน่อย แล้วกลับมาเจอไกด์ตามนัด พร้อมเจ้าของบริษัทที่เราเมลคุยกับเค้ามาตลอดก่อเดินทาง ด้วยความรอบคอบ จึงขอถ่ายรูปทั้งคู่เพื่อส่งให้ที่บ้านดู หากมีปัญหาอะไร หรือเราหายไป ตามหาที่สองคนนี้นะแม่นะ ทักทายกันพอหอมปากหอมคอ ตรวจอุปกรณ์ว่าขาดเหลืออะไรไหม ดูท่าแล้วเราจะขาดอย่างเดียวคือถึงนอนเพราะจัดมาครบมาก ไกด์พาไปเช่าถุงนอน เราเลยได้เสียตังค์ซื้อ headlamps จากนั้นแยกย้าย






เดินเล่นสำรวจไปทั่ว แต่ก็ไม่ไกลจากย่าน Thamel เท่าไหร่นักเพราะไม่มีเวลาให้ไปไหนไกล เจอสถานที่นึง ภายนอกดูสวยงามมาก พร้อมชื่อที่ชวนค้นหา Garden of Dream เดินเช้าไป เจอค่าเข้าไป 200 รูปปี (การคำนวณเป็นเงินไทยให้หารด้วย 3) จ่ายตังค์ปุ๊บ เดินเข้าไป ความคิดแรกที่เข้ามาในหัว “มึงหลอกกู” ข้างในเป็นสวน ก็ชื่อันก็บอกแล้วว่าเป็นสวน เป็นสวนที่เหมือนจะสวยตกแต่งสไตล์วกตอเรีย แต่มันไม่ใช่อ่ะ มันไม่ใช้อ่ะแก เดินวนไปวนมา มีหนุ่มสาวเนปาลีมาถ่ายรูป มานั่งเล่นพอกรุบกริบ เดินวนไปมาไม่ถึง 5 นาที จบแล้ว ฉันพลาดอะไรไป ฉันไม่ได้ไปดูจุดไฮไลท์เขารึเปล่า สุดท้ายเดินออกมาแบบ งงๆ




ทาเมลมีทุกสิ่งสมคำร่ำลือจริงๆ เรียกได้ว่า มาเที่ยวเฉยๆแล้วอยู่ดีๆคิดอยาก trekking ก็ไปได้เลย อุปกรณ์ทุกอย่างถูกกว่าที่ไทย มีทั้งของแบรนด์แท้และงานมิลเล่อร์ ตาดีได้ตาร้ายเสีย ต่อราคาเก่งใจนิ่งคือผู้ชนะ เท่าที่สอบถามมา ถ้าอยากได้ของแท้ ให้ซื้อที่ช็อปของแบรนด์เท่านั้น เพราะร้านค้าต่างๆนานา ล้วนขายงานมิลเล่อร์


ไกด์พามาเช่าถุงนอน
แต่ได้ headlamp Black Diamond มา

เซลล์แล้วถูกกว่าไทยที่เซลล์แล้วนิดนึง

แค่วันแรกที่เหยียบแผ่นดินนี้ก็ล้มละลายซะแล้ว นี่ขนาดบอกตัวเองว่างวดนี้ไม่เน้นช้อป เรามาผจญภัย เรามีแค่กระเปาแบคแพคมา เราจะขนอะไรกลับบ้านเยอะแยะไม่ได้ แต่วันแรกที่ได้มา คือ พันคอ หมวกไหมพรม ถุงเท้าไหมพรม magnet ติดตู้เย็น และกระเป๋า day pack อีก 1 ใบ





อาหารมื้อแรกที่เนปาล ก็ต้องลองอาหารเนปาลี มองหาร้านอยู่นานเพราะอยากกินให้อร่อยและจุใจ รู้ว่าจากนี่ไปอีกเป็นสิบวันเราจะไม่ได้เอนจอยกับอาหารการกินอย่างแน่นอน เดินเข้า Kathmandu Kitchen ร้านดูวังเวง มืดๆ เศร้าๆ แต่มีคนนั่งกินอยู่นะ สั่ง Buff Momo กับ Thukpa หรือซุปผักใส่พาสต้า และทำให้ค้นพบว่า เนื้อควายอร่อยมากกกกกก


อาหารมื้อแรกที่เนปาล

ท้องอิ่มกลับเข้าห้อง จัดข้าวของ ส่วนหนึ่งแบ่งไว้ที่โรงแรมเพราะต้องกลับมานอนที่นี่ตอนลงจากเขา ทำใจให้นอนให้หลับเพราะรุ่งขึ้นต้องตื่นแต่เช้า นัดล้อหมุนไปสนามบินตอน 8 โมง

เส้นทาง trekking มีมากมายจริงๆ

นับจากวันพรุ่งนี้ไป.. ชีวิตเราจะเปลี่ยนแปลงไหม การเดินทางครั้งนี้จะให้อะไรกับเรา เราจะเปลี่ยนไป หรือเราจะเหมือนเดิม

No comments:

Post a Comment