Thursday, April 11, 2013

[Race Diary] Unique Running Khaoyai 03.03.13



สมัครงานวิ่ง Unique Running เขาใหญ่ เพราะติดใจบรรยากาศเขาใหญ่จากงาน TNF100 เมื่อต้นปีที่ผ่านมา จากที่เขาใหญ่เคยเป็นจุดหมายปลายทางที่ไม่เคยอยู่ในความคิด แต่เมื่อได้ลองไปเยือน ฉันตกหลุมรักมันมากๆ ทั้งที่มันไม่ได้มีอะไรที่โดดเด่นเป็นพิเศษ และไม่ได้ตอบโจทย์คนรักทะเลอย่างฉันเลยสักนิด แต่มนต์เสน่ห์ของเขาใหญ่ ดึงดูดให้ฉันรู้สึกอยากจะกลับไปเยือนอีกสักครั้ง



ฉันเลือกลงวิ่งในระยะฮาล์ฟมาราธอน เพราะโดยส่วนตัวชอบวิ่งในระยะนี้มากกว่าระยะมินิ ความกดดันที่น้อยกว่า ความสนุกกับห้วงเวลาที่อยู่กับตัวเองบนทางวิ่งระยะไกลมีมากกว่า ต้องวิ่งไกลกว่าและยาวนานกว่า แต่ฉันรู้สึกว่ามันเหนื่อยน้อยกว่า สุขมากกว่า และสะใจมากกว่ามากเมื่อเข้ามาถึงเส้นชัย


ถือได้ว่าเป็นอีกสนามที่เตรียมพร้อมมาอย่างดี คืนวันศุกร์พักผ่อนอย่างเต็มที่ ออกเดินทางจากกรุงเทพฯช่วงบ่ายเพื่อไปถึงเขาใหญ่ในช่วงบ่ายแก่ๆ ระหว่างทางมีฝนเทลงมาเล็กน้อย และได้รับการแจ้งข่าวจากเพื่อนที่ไปถึงจุดหมายปลายทางก่อนว่าที่อุทยานฝนตกหนักมาก พาลทำให้คิดว่า ถ้าเช้าวันวิ่งฝนตก จะทำอย่างไรดีหนา หันไปพูดติดตลกกับคนข้างๆว่า ถ้าตื่นมาตีสี่แล้วฝนตก เราจะนอนต่อกันนะจ๊ะ

บรรยากาศดินเนอร์ที่ Vino di Zanotti

เข้าที่พัก Ma Villa เก็บข้าวของ ออกมาหาอะไรทาน มื้อเย็นวันนั้นจัดเต็มกันกับอาหารอิตาเลี่ยน โหลดไกลโคเจนกันเต็มที่ คุยกะพี่เสือเบาๆก่อนนอน เข้านอนสี่ทุ่ม เรียกได้ว่าทุกอย่างลงตัวพร้อมสำหรับการตื่นขึ้นมาลงสนามในวันรุ่งขึ้นมากๆ ตีสี่เสียงนาฬิกาปลุก แต่งตัวให้พร้อม ออกเดินทางไปยังจุดปล่อยตัว ไปถึงบริเวณนั้นประมาณตี5 นิดๆ คิดว่ามาเร็วแล้วนะ แต่ก็สายไปมากเพราะมีคนมาถึงก่อนมากทีเดียว และที่คิดว่าเตรียมตัวมาพร้อมก็คิดพลาดไป เพราะฉันดันอยากจะเข้าห้องน้ำ แต่ว่าคิวห้องน้ำยาวมาก ครั้นจะไปขอแซงเพราะจะถึงเวลาปล่อยตัวในอีกไม่กี่นาทีแล้วก็ดูจะเป็นเรื่องยาก เลยทำใจ ไม่เข้าก็ได้ แล้วรีบวิ่งกลับมาเตรียมพร้อมกับการปล่อยตัว

สนาม Unique Running เขาใหญ่ดูเป็นสนามที่คึกคักมาก แต่สังเกตได้เลยว่านักวิ่งส่วนใหญ่มาด้วยความตั้งใจที่ดี ไม่ได้จ้องแต่จะแข่งขัน ทุกคนดูพร้อมจะสนุกและอิ่มเอมไปกับบรรยากาศ ถึงเวลาปล่อยตัว ตั้งสติบอกตัวเองว่า อย่าออกตัวเร็ว อย่าออกตัวเร็ว หนทางนี้ยังอีกยาวไกล อย่าให้มันหมดแรงก่อนจะถึงครึ่งทาง แต่กระเพาะปัสสาวะเจ้ากรรมมันเริ่มแบกรับไม่ไหว เลยทำให้ช่วงแรกของการวิ่งเป็นไปอย่างทรมานมาก

ก่อนเข้าเส้นชัย หมดแรงเต็มที

และที่แน่นอน เมื่อเส้นทางเป็นป่าเขา วิวสวย การจะหาห้องน้ำเป็นไปได้ยากมาก วิ่งไปได้ประมาณ 3 กิโล เริ่มรู้ว่าไม่ไหวแล้วเว้ย แย่แน่ๆ เห็นอาแปะกวาดบ้านอยู่หน้าร้านขายของชำ ยกมือไหว้ขอเข้าห้องน้ำ แปะใจดีปนงง ชี้ทางบอกลื้อไปหลังบ้าน พบเจอห้องน้ำเท่านั้นแหละเหมือนยกภูเขาออกจากอก แต่จะให้ชีวิตราบลื่นดั่งนิยายคงเป็นไปไม่ได้สำหรับชีวิตสวย อาแปะดันเลี้ยงหมาซึ่งผูกไว้อยู่หลังบ้าน เมื่อพบเจอคนแปลกหน้า มีหรือที่มันจะไม่ทำร้ายทักทายฉัน และแล้วสองเท้าสกปรกเปื้อนโคลนของน้องหมาก็ตะกายเต็มขาฉัน และฉันก็พารอยจารึกของมันเดินทางร่วมกันไปอีก 17 กิโลอาแมน

หลังจากหมดทุกข์ก็ถึงเวลาที่ฉันต้องตั้งใจวิ่งอย่างเต็มที่แล้ว วิ่งด้วยจังหวะที่ตั้งใจว่าจะให้ครึ่งแรกช้ากว่าครึ่งหลัง เอาแรงไปลงกิโลที่ 18 เส้นทางที่วิ่งมีทั้งช่วงขึ้นเขาและลงเขาสลับกันไป ถือว่าเหนื่อยอยู่เหมือนกันในยามที่ต้องวิ่งตามทางขึ้นเขา แต่ก็พยายามประคองตัวเองให้ไม่หยุดเดิน มีพักที่จุดแจกน้ำบ้าง แต่ก็รีบดื่ม รีบวิ่งต่อ จนถึงช่วงจุดกลับตัว เจอคุณลุงแฟนซีท่านหนึ่ง แกดูมีความสุขนะ และก็พยายามพูดคุยทักทายกับนักวิ่งที่แกรู้จัก แต่ความร่าเริงของแก สร้างความหงุดหงิดใจให้กับฉันมาก ทั้งที่ฉันพยายามบอกตัวเองแล้วว่า เอาน่ะ ใจเย็นๆ วิ่งด้วยจิตใจดีๆสิคะสวย แต่การที่ลุงวิ่งโฉบซ้ายที ขวาทีอยู่ตรงหน้าฉันมันเกินจะทนจริงๆ พยายามแซงแกช่วงที่แกแวะทักทาย แต่สุดท้ายไม่รู้อะไรดลบันดาล แกต้องแซงกลับมาเผื่อวิ่งโฉบไปมาหน้าฉันทุกที สุดท้าย ฉันเลยยอม ทนความมึนกับการปาดหน้าของลุงแกไม่ไหว จึงยอมชลอเพื่อให้ลุงแกห่างไปไกลๆ

จนมาถึงสักกินโลที่ 18 ตอนนั้นรุ้สึกว่าไม่ไหวแล้ว จากที่ตั้งใจว่าเมื่อมาถึงระยะนี้จะทุ่มสุดตัวเพื่อเข้าเส้นชัย แต่บอกตรงๆ ตอนนั้นมันเหนื่อยสุดชีวิตแล้วจริงๆ เพราะถือได้ว่า เป็นระยะฮาล์ฟครั้งแรกที่ไม่หยุดเดินเลย เหนื่อยก็พยามผ่อนด้วยการจ๊อกเบาๆไปเรื่อยๆ แต่มาถึงตรงนี้ น้ำตาคลอเบ้าแล้ว วิ่งไปกรีดร้องไป กรีดร้องจริงๆนะ นอกจากกรีดร้องแล้วยังมีการจิกมืออีกด้วย ดูทรหดอดทนและโหดร้ายมาก แต่มันเกิดขึ้นแล้วจริงๆ 

ขึ้นรับรางวัลบนเวทีครั้งแรกในชีวิต

กิโลที่ 19 พยายามบอกตัวเองว่าอีก 2 กิโลเท่านั้น ทนอีกหน่อย ตอนนั้นจังหวะการวิ่งเหลือสปีดต่ำมาก ตั้งใจจะไม่เร่ง รอให้ถึงกิโลที่ 20 ก่อน แต่งในช่วงกิโลสุดท้าย ถนนสู้เส้นชัยดูวุ่นวายมาก คนที่วิ่งระยะมินิพากันกลับ รถวุ่นวาย ต้องวิ่งไประวังรถไป จนมาถึง 800 เมตรสุดท้าย ตั้งใจเร่งใส่เต็มแรงที่เหลืออยู่น้อยนิด จนคุณลุงที่วิ่งมาข้างๆกันเห็นฉันเร่งจนต้องหันมาบอกว่า ใจเย็นๆ อย่าเพิ่ง อีกตั้ง 800 นะหนู แต่แล้วก็มีรถปาดหน้า ทำให้ถึงกับต้องเบรคเสียจังหวะ และโวยวายใส่รถคันนั้น โถ..คุณทำลายเรี่ยงแรงเฮือกสุดท้ายของฉัน

ครูดิน สถาวร โค้ชผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จ

ก่อนถึงเส้นชัย หมดแรงมากๆแล้วจริงๆ เหนื่อยจนพูดไม่ออก เหนื่อยจนน้ำตาไหลแล้ว จิกมือจนชาไปหมด แต่ก็ยังบอกตัวเอง อีกนิดเดียว ต้องทำได้ดิวะ หล่อวิ่งมารับ ณ ขณะที่เห็นหน้าหล่อนี่น้ำตาแทบไหลพราก ดีใจ แต่มันพูดไม่ออกแล้วจริงๆ หล่อวิ่งข้างๆไปจนถึงเส้นชัย เมื่อถึงเส้นชัยดีใจมาก เหนื่อยแทบลงไปนอนกับพื้น และต้องงงมากเมื่อเจ้าหน้าที่ยื่นป้ายให้ว่าชั้นได้รับรางวัลที่ 3 สำหรับรุ่นอายุ ระยะทาง 21.5 กม. กับเวลา 2.14 นาที (ถือว่าไม่เลว แต่ดีกว่าฮาล์ฟแรกในชีวิตมาแค่ 1 นาที)ไม่คิดไม่ฝันว่ามันจะเกิดขึ้น ถ้วยรางวัลแรกในชีวิต ที่ฉันพูดได้เต็มปากว่ามันแลกมาด้วยเหงื่อ และน้ำตาจริงๆ



Unique Running เป็นสนามวิ่งที่จัดงานออกมาได้ดีค่ะ ดูทุกอย่างลงตัว ไม่ค่อยวุ่นวายดี เส้นทางวิ่งกับสนามเขาใหญ่นี้สวย และน่าประทับใจดี จะมีตะกุกตะกักบ้างก็ที่ไม่สามารถกั้นรถได้ 100 เปอร์เซ็นต์ จนนักวิ่งต้องวิ่งไประวังไป แต่โชคดีที่เป็นเส้นทางที่รถยังไม่เยอะมาก จะมีปัญหาก็ช่วงถนนก่อนทางขึ้นอุทยาน ที่วุ่นวายและไม่มีเจ้าหน้าที่จัดการกับการจราจรของรถที่วิ่งเสร็จแล้ว และจะเดินทางกลับ มันอันตรายมากจริงๆนะคะ โดยรวมขอชื่นชมการจัดงานของผู้จัด แม้เหรียญจะหมด (ฉันเป็นนักวิ่งระยะฮาล์ฟที่ได้รางวัล เหรียญยังหมดเลยเมื่อฉันเข้าเส้นชัย แล้วคนที่ตามหลังมาอีกตั้งเท่าไหร่ น่าจะเตรียมให้พอแต่แรกนะคะ) แต่ก็ยังส่งเหรียญมาให้ถึงบ้านตามคำสัญญา 

เหรียญพร้อมข้อความขอบคุณจากทีมงาน

สนามยูนีค รันนิ่ง สุโขทัยกำลังจะมีขึ้นในวันที่ 30 มิถุนายน 2556 นี้ ไม่อยากพลาดเลยจริงๆ แต่จุดหมายปลายทางที่จัดงานดูไกลเมืองกรุงซะเหลือเกิน เอาเป็นว่า ณ ตอนนี้ยังขอเวลาตัดสินใจอีกสักหน่อย แต่ถ้าเป็นไปได้ ไม่อยากจะพลาดเลยจริงๆ

No comments:

Post a Comment