Monday, November 21, 2016

[Foot Fit Journey] บ้านป่าบงเปียง .. เพียงเขาและเรา

มีโอกาสได้ไปเที่ยวบ้านป่าบงเปียง ซึ่งฉันไม่เคยรู้จักมักคุ้นกับสถานที่นี้ ไม่เคยแม้กระทั่งจะเคยได้ยินชื่อเลยเสียด้วยซ้ำ แต่เมื่อได้รู้จัก ได้พบ ได้สัมผัส ฉันคงไม่สามารถลบสถานที่แห่งนี้ออกจากภาพความทรงจำไปได้

บันทึกความทรงจำครั้งนี้เกิดขึ้น เพราะคนรอบข้างหลายคนที่ได้เห็นภาพที่ฉันนำมาอวด ล้วนตื่นตาและมีมาถามกันอยู่เนืองๆว่า ที่นี่คือที่ไหน ไปอย่างไร และขอให้ฉันช่วยแนะนำแผนการเดินทาง แม้จะมีคนเล่าเรื่องสถานที่แห่งนี้ไว้มากมาย แม้ฉันจะไม่ถนัดนักในการเขียน แต่ฉันก็ยินดีที่จะเป็นอีกหนึ่งแรงแบ่งปันความงดงามของที่แห่งนี้ในแบบของฉัน





สรุปสำหรับคนขี้เกียจอ่าน

1. บ้านป่าบงเปียงเป็นหมู่บ้านเล็กๆอยู่ในอำเภอแม่แจ่ม ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ ถ้าไปดอยอินทนนท์ถูก ก็ไปบ้านป่าบงเปียงได้
2. บ้านป่าบงเปียงเป็นหมู่บ้านเล็กๆที่ชาวบ้านมีอาชีพหลักในการทำนาข้าวขั้นบันไดและปลูกข้าวโพด การท่องเที่ยวและบ้านพักโฮมสเตย์เป็นรายได้เสริมสำหรับชาวบ้าน
3. ไปเที่ยวได้ทั้งปี อยากดูนาข้าวขั้นบันไดสวยงามเขียวขจีต้องไปช่วง กันยายน ตุลาคม
4. ถ้าอยากเห็นดาวเต็มท้องฟ้า ให้เลือกไปค้างคืนในคืนเดือนมืด หรือข้างแรม
5. เลือกไม่ค้างคืนก็ได้ เข้าหมู่บ้านไปถ่ายรูป นั่งเล่นแล้วกลับ แนะนำให้กลับก่อนมืดเพราะถ้ามืดแล้วจะลำบากมาก
6. แต่ช่วงเวลาที่สวย คือ ช่วงพระอาทิตย์ตก ถ้าไม่ค้างคืนอาจะพลาด หรือรีบดูและรีบกลับให้ทัน
7. ขับรถส่วนตัวไปได้ แต่ต้องจอดที่ลานจอดรถของที่ทำการแถวน้ำตกห้วยทรายเหลือง รถส่วนตัวขับเข้าไปในหมู่บ้านไม่ได้
8. มีบริการรถรับส่งเข้าหมู่บ้าน มีเบอร์ติดต่ออยู่ที่ลานจอดรถ
9. บ้านพักราคาคืนละ 500 บาทต่อคน ราคานี้รวมอาหารเย็น อาหารเช้าด้วย
10. บ้านพักมีประมาณ 6 หลัง แนะนำให้ติดต่อจองบ้านพักก่อนแล้วค่อยจัดการจองอย่างอื่น เบอร์บ้านทุกหลังสามารถหาได้จาก google
11. เรานอนบ้านพี่วีรศักดิ์ 093-074-2686 พี่เขามี Line ด้วย add จากเบอร์ได้เลย
12. เหมาะสำหรับคนชอบถ่ายรูปวิว หรือคนที่ชอบถ่ายรูปฮิปสะเต้อ
13. เหมาะสำหรับชอบธรรมชาติ หรือใครที่อยากหาที่อยู่เงียบๆหนีความวุ่นวายของเมือง หนีเรื่องวุ่นวายของชีวิต หรือจะแค่อยากลองไปอยู่ใกล้กับธรรชาติและมีชีวิตเรียบง่าย ลำบากขั้นปานกลาง
14. มีสัญญาณโทรศัพท์และอินเตอร์เน็ต ความแรงของสัญญาณขึ้นอยู่กับเครือข่าย เราใช้ดีแทค .. อย่าถามเลยว่าเป็นอย่างไร

บ้านป่าบงเปียงอยู่แห่งหนใด

บ้านป่าลงเปียงเป็นหมู่บ้านเล็กๆในอำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ ถ้าใครนึกไม่ออกว่าแม่แจ่มอยู่ที่ไหน ก็ลองนึกถึงดอยอินทนนท์ดู อาจจะฟังคุ้นหูข้นมาบ้าง บ้านป่างปงเบียงนี้อยู่ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์นั่นเอง เราจะต้องเข้าไปในอุทยานฯ จนถึงด่านตรวจที่สอง จะมีป้ายบอกทางให้แยกไปแม่แจ่ม

แล้วดอยอินทนนท์อยู่ไกลจากตัวเมืองเชียงใหม่ไหม? สำหรับเรา เราถือว่าไม่ไกลนะ เพราะใช้เวลาไม่เกิน 2 ชม.เราก็มาถึงดอยอินทนนท์แล้ว แม้จะเจอปัญหารถติดตรงหางดง และแวะทานข้าวระหว่างทาง เรียกว่าเดินทางแบบไม่รีบ อยากแวะก็แวะ


น้ำตกวชิรธาร สถานที่ท่องเที่ยวทางผ่าน
แวะเที่ยวก่อนไปบ้านป่าบงเปียง หรือจะแวะขากลับก็ได้


เที่ยวบ้านป่าบงเปียง

ไปเที่ยวได้ทั้งปีมั๊ย เราว่าไปได้ทั้งปี แต่ก็ต้องถามว่า คุณอยากไปเห็นอะไรล่ะ ถ้าอยากเห็นวิถีชีวิตชาวนา ดำนาขั้นบันได้ ให้ไปช่วงเริ่มดำนา หรือช่วงเข้าหน้าฝน ช่วงนี้ก็จะได้ภาพผืนน้ำในท้องนา สะท้อนกับท้องฟ้า


ถ้าอยากเห็นนาข้าวขั้นบันไดสีเขียวขจี ก็ไปช่วงสิงหาคม กันยายน ซึ่งเป็นช่วงนาขั้นบันไดสวยที่สุด ตระการตาที่สุด แต่ก็จะต้องทนได้กับความเฉอะแฉะของฝนที่ต้องเจอ


บางส่วนที่ยังเขียวอยู่

ถ้าอยากเห็นนาข้าวสีทอง ตัดกับสีฟ้าของทองฟ้า ก็ไปช่วงตุลาคม หรือช่วงออกพรรษา


นาข้าวสีทอง กับชาวบ้านที่กำลังเก็บเมล็ดข้าวเปลือก

ฉันไปช่วงสิ้นเดือนตุลาคม ข้าวสุกเกือบหมดแล้ว และชาวบ้านก็เริ่มเกี่ยวข้าวแล้ว ซึ่งในตอนแรกเราจะไปต้นเดือนพ.ย. แต่พี่เจ้าของบ้านได้แนะนำว่า ช่วงนั้นน่าจะเกี่ยวข้าวจนเกือบหมดแล้วล่ะ

แล้วถ้าใครเป็นคนที่หลงเสน่ห์ของดวงดาว อีกเคล็ดลับในการเลือกวันเดินทางที่ได้จากคนข้างๆคือ ถ้าอยากเห็นดาวเต็มทองฟ้า ให้เลือกไปค้างคืนในคืนเดือนมืด หรือข้างแรม แล้วคุณจะเพ้อกับดาวนับล้านดวงไปเลยทีเดียว

แล้วเดินทางไปยังไงล่ะ

ด้วยความที่ยังรักสบายจึงเลือกการใช้เงินแก้ปัญหา เราเช่ารถจากเชียงใหม่ขับเที่ยวเอง ถ้าถามว่าขับยากไหม คงต้องบอกว่าถ้าพอขับขึ้นเขาขึ้นดอยมาบ้าง ก็ไม่ยากค่ะ รถอะไรก็ขับไปได้เพราะดอยอินทนนท์ถนนหนทางดีแล้ว แต่ถ้ามือใหม่หัดขับเลยอันนี้ไม่แนะนำ

อย่างที่บอกไปข้างต้น การเดินทางไปบ้านป่าบงเปียงสามารถขับรถไปได้ โดยไปได้สองทางด้วยกัน คือ ทางดอยอินทนน์ และทางแม่แจ่ม เราขอเล่าจากวิธีการไปของเรา ซึ่งเราเลือกไปทางดอยอินทนนท์ จากตัวเมืองเชียงใหม่ให้มุ่งหน้าไปทางจอมทอง ไปทางเดียวกับการไปดอยอินทนนท์ จะขับแวะขึ้นไปเที่ยวบนดอยก่อน แล้วค่อยลงกลับมานอนที่ป่าบงเปียงก็ได้ มันไม่ได้ไกลกันมาก แผนการเดินทางของเราคือ เราออกจากเชียงใหม่ประมาณเก้าโมงกว่าๆ ขับขึ้นดอยอินทนนท์ก็สิบเอ็ดโมงกว่า ขับลงมาเพื่อไปแม่แจ่มแต่เห็นว่ายังหัววันเลยขับไปเที่ยวแม่แจ่มก่อน แม่แจ่มทางโหดมาก มันเป็นเส้นทางที่ไปแม่ฮ่องสอนได้ โค้งกันแบบว่าจิตแข็งก็ต้องเมา


ทางขับเข้าไปน้ำตกห้วยทรายเหลือง

หลังจากวิ่งมาทางแม่แจ่ม จากด่านตรวจที่สองของอุทยานแล้ว ให้สังเกตป้าย “น้ำตกห้วยทรายเหลือง” เพราะเราจะต้องเข้าไปทางนั้น ป้ายไม่ใหญ่ แต่ก็ไม่ได้เล็กจนมองไม่เห็น แต่ทางที่ดีอย่าขับเร็วนัก เพราะถ้าเลยแล้วจะต้องเลยไปไกล มันไม่มีทางให้กลับรถ หรือถ้าเลยแล้ว แนะนำให้ไปขับรถเล่นเลยจ่ะ

มาถึงน้ำตกหัวยทรายเหลืองแล้ว จะมีลานจอดรถ และทางเดินไปน้ำตก แต่! ตรงนั้นยังไม่ใช่ที่จอดรถสำหรับที่จะเข้าป่าบง-เปียงค่ะ จอดแล้วไปเดินดูน้ำตกได้ สวยงามตามท้องเรื่องนะ มันจะต้องขับเลยเข้ามาอีกนิดนึง แล้วจะเห็นที่ทำการเจ้าหน้าที่ พร้อมป้ายเขียนบอกว่า รถรับจ้างเข้าบ้านป่างบงเปียง ฉันไม่ได้โทรเบอร์ตามป้ายนั้น เพราะจองบ้านพักไว้จึงได้นัดแนะกับพี่เจ้าของบ้านให้ออกมารับ แต่ถ้าใครไม่ได้พักค้างแรม แต่กังวลว่าจะมีรถเข้าไปไหม ฉันสังเกตเห็นพี่คนหนึ่งเค้าจดรถอยู่ตรงนั้น น่าจะรอรับนักท่องเที่ยว เพราะเค้าก็เป็นคนโทรตามพี่เจ้าของบ้านให้ในขณะที่มือถือเราไม่มีสัญญาณ


ไม่ได้ถ่ายภาพไว้สภาพถนนไว้ จึงของอนุญาตยืมภาพจากเว็บที่เราอ่านเป็นข้อมูล
เครดิตตามภาพเลย

แล้วถ้าอยากขับรถเข้าไปในหมู่บ้านเองล่ะ ขับได้ไหม รถเรา 4WD เลยนะ? แนะนำว่าอย่าดีกว่า ถ้ารถคุณไม่ใช่กระบะ 4WD แบบว่าลุยถึงไหนถึงกันไม่เสียดายรถจริงๆ ตอนที่เราไปคือสิ้นเดือนตุลาคม เรียกว่าไม่ใช่หน้าฝนแล้ว แต่ทางเข้าหมู่บ้าน ระยะทางแค่ 2 กม. ยังใช้เวลากว่า 30 นาที เพราะเป็นทางโคลนเละ เละมากๆจริงๆ และจะต้องเป็นคนที่ชินทางหรือมีสกิลในการขับสูงพอดู คุยกับพี่คนขับได้ความว่า หน้าฝนก็เละกว่านี้มาก เละแบบว่าไม่ต้องไปไหนกันเลยทีเดียว แต่ทางที่เราใช้เข้ามาในหมู่บ้านนี้ก็ไม่ใช่ทางหลัก ทางหลักจะเป็นอีกเส้นทาง ที่มีระยะทางกว่า 40 กม. เลยไม่ค่อยนิยมแม้จะทางดีกว่าแต่ก็ไกล จึงมักใช้เส้นทางลัดนี้ให้นักท่องเที่ยวเข้าหมู่บ้าน

ที่พักหลักร้อยวิวหลักล้าน

ที่พักจะเป็นลักษณะโฮมสเตย์ แต่เราจะไม่ได้อยู่รวมกับเจ้าของบ้าน จะเป็นบ้านที่ทำไว้สำหรับต้อนรับนักท่องเที่ยวมากกว่า บ้านพักที่บ้านป่าลงเปียงมีไม่กี่หลัง น่าจะสัก 6 หลังได้มั๊ง ดังนั้นเมื่อคิดจะไปเที่ยวและพักค้างคืนที่นี่ สิ่งแรกที่ต้องทำคือ ควรจองที่พักให้ได้ก่อน แล้วค่อยไปจัดการจองอย่างอื่น



ที่พักตั้งเรียงรายกัน

บ้านพักราคาคืนละ 500 บาทต่อคน ซึ่งราคานี้รวมอาหารเย็น อาหารเช้าด้วยนะ แม้บ้านจะเป็นแค่กระต๊อบ หลังคามุงจาก ไม่มีไฟฟ้า มีมุ้ง และนอนบนพื้นไม้ มีฟูกและผ้าห่มสะอาดพร้อม มีห้องน้ำที่จัดเป็นสัดส่วนและถือว่าไม่น่าขนลุกสักเท่าไหร่ มันไม่ได้ลำบากเลยถ้าเทียบกับการนอนเต็นท์ แต่ถ้าใครที่ติดความสบายก็ไม่แนะนำ เพราะคุณจะพาลไม่สบอารมณ์กับสิ่งอำนวยความสะดวกที่ไม่มีจนลืมความสวยงามรอบตัวไปเปล่าๆ


อันนี้ไม่ใช้บ้านพัก นาจะเป็นที่พักช่วงทำนา

เรานอนบ้านพี่วีรศักดิ์ ซึ่งพี่เขามีบ้านสองหลังด้วยกัน หลังที่เรานอนเป็นหลังเล็ก อีกหลักจะใหญ่กว่า นอนได้หลายคน แต่ไม่ค่อยได้เจอหน้าพี่เขาเท่าไหร่นะ เจอแค่ตอนไปรับ และแว่บมาดูบ้างช่วงค่ำว่าขาดเหลืออะไรไหนแค่นั้น สงสัยคงอยากให้ความเป็นส่วนตัวกับลูกค้า (เบอร์ติดต่อพี่วีรศักดิ์  093-074-2686 พี่เขามี Line ด้วยนะฮะ)


บ้านพักของเรา
เพื่อนบ้านแวะมาทักทาย

นอกจากวิวและนาขั้นบันได มีอะไรให้ทำอีกไหม

ไม่มีค่ะ สถานที่นี้ไม่เหมาะกับคนที่ชอบกิจกรรมและอยู่เฉยๆไม่ได้ ชีวิตที่นี่ slow life มาก กิจกรรมที่ดูจะสนุกที่สุดคือ การเดินไปตามร่องนาขั้นบันไดแล้วถ่ายรูป ถ้าคนที่ชอบถ่ายรูปก็คงจะเป็นสวรรค์เลยทีเดียว เราถ่ายไปมาก็ร้อนและเหนื่อย เพราะพอเดินลึกมากกลับรู้สึกว่ามันน่ากลัว โดยเฉพาะแมลงต่างๆที่เยอะพสมควร (อ้อ.. อย่าใส่ขาสั้นนะคะ พยายามใส่กางเกงขายาวจะดีกว่า เข้าป่า ขึ้นเขา แมลงเยอะและยุงดุค่ะ ที่นี่มีคุ่นตัวแสบด้วย) และหลังจากลื่นตกร่องนาไปสองรอบเลยยิ่งเกร็ง กลับไปนั่งนิ่งๆที่บ้านที่กว่า ฝากไว้สำหรับคนที่จะไปพักบ้านพี่วีรศักดิ์ ช่วงบ่ายพระอาทิตย์จะส่งเข้าหน้าบ้านพอดี เลยทำให้อยู่ที่บ้านไม่ได้เพราะแดดร้อนมาก


สภาพทางเดินตามนาขั้นบันไดที่เราเดินเล่นไปเรื่อย
ครั้งแรกที่ได้จับรวงข้าว
ถ่ายรุปเบื่อก็นั่งหายใจทิ้ง

อาหารการกินที่เจ้าบ้านเตรียมให้เป็นอย่างไร

มื้อเย็นเป็นกับข้าวง่ายๆประมาณสามอย่าง ที่เราได้มาเป็นผัดผัก หมูทอด และไข่เจียว อิ่มแน่นสำหรับสองคน ใครใคร่ติดอาหาร น้ำพริก หรือขนมนมเนยไปก็ตามสบาย เครื่องดื่มต่างๆก็เอาไปได้เจ้าบ้านไม่ติดอะไร มื้อเย็นวันนั้นเป็นอาหารมื้อที่โรแมนติคที่สุดในชีวิตสำหรับเรา กินข้าวใต้ดาวนับล้าน ร้านหรูร้านไหนก็คงให้ไม่ได้




กินข้าวกับวิวนี้

มื้อเช้าเป็นข้าวผัดหมูสับโปะไข่ดาว ใส่มาเต็มชั้นปิ่นโต ทำเอาจุกเลยทีเดียว แถมยังมีบริการโอวันติน และกาแฟร้อนด้วยนะ เบรคฟาสกับวิวพระอาทิตย์ขึ้นพร้อมทะเลหมอกนี่ก็ฟินจริงๆ




อาหารเช้า
ตื่นมากินข้าวเช้ากับวิวนี้

ที่ว่าวิวหลักล้านน่ะ มันเป็นยังไง

ก็แบบนี้ ..










ใครชอบธรรมชาติ หรือใครที่อยากหาที่อยู่เงียบๆหนีความวุ่นวายของเมือง หนีเรื่องวุ่นวายของชีวิต หรือจะแค่อยากลองไปอยู่ใกล้กับธรรชาติและมีชีวิตเรียบง่าย ลำบากขั้นปานกลางเราแนะนำลองไปที่นี่ดู บางทีคุณอาจจะหลงมนต์เสน่ห์ความเรียบง่ายและความสวยงามของธรรมชาติตรงหน้าอย่างเราก็เป็นได้

ดีใจที่เราออกเดินทางในครั้งนี้ เพราะมันทำให้เรารู้ว่า ของดียังมีอยู่ไม่ไกลตัวเราเลย เมืองไทยยังมีอะไรให้เราออกไปค้นหาอีกเยอะ

[การเดินทางครั้งนี้เกินขึ้นระหว่างวันที่ 29-31 ต.ค. 2559]


No comments:

Post a Comment