Monday, June 23, 2014

[Race Diary] SuperSports 10 Miles 2014 (22-06-14)



.. สนามที่วิ่งแบบไม่คาดหวัง แต่จบลงแบบหัวใจพองโต

งานที่ลืมไปแล้วว่าต้องวิ่ง เป็นอีกงานที่โดนโรคเลื่อน เลื่อนจากเมื่อไหร่จำไม่ได้ แต่มารู้ตัวอีกทีว่าต้องวิ่งก็ช่วง 1 เดือนก่อนวันงานค่ะ งานนี้ได้ผู้สนับสนุนใจดีอย่าง Central Retail corporation นอกจากใจดีกับฉัน ชาวคณะ และยังเผื่อแผ่ไปยังแฟนเพจด้วย ขอบพระคุณมา ณ ทีนี้ .. แต่ทั้งนี้ขอเกริ่นไว้นิด แม้จะได้บัตรวิ่งฟรี แต่ขอรีวิวสนามตามเนื้อผ้านะคะ

ที่ผ่านมาห่างหายจากการเขียนบลอคไปนาน เพราะไม่ได้วิ่งตามงานวิ่งเลยไม่มีอะไรมาเม้าท์เลย พอจะมาลงสนามครั้งนี้บอกตรงๆว่าตื่นเต้นมาก ไม่ได้วิ่งงานใหญ่ๆคนเยอะๆมานาน (จริงๆติดเล่าถึงงานกรีนพีซ รันฟอร์พยูนด้วยนะ แต่ขอทำลืม) ช่วงสามเดือนที่ผ่านมาวิ่งน้อยมาก แต่ตอนนี้กลับมาวิ่งตามปกติแล้ว และพยายามวิ่งให้ได้เหมือนเดิม และจะกลับมาฟิตให้ได้เหมือนเดิม
 
ก่อนลงสนามนี้ไม่ได้ซ้อมอะไรเป็นพิเศษเลย และไม่ได้วิ่งเกิน 15 กม. มานานแล้ว สามเดือนที่ผ่านมา ระยะที่ไกลที่สุดที่ทำได้คือ 15 กม. แบบวิ่งช้าๆ เอาให้ถึงเท่านั้น เลยทำให้กังวลใจกับการวิ่งในวันนี้อยู่พอสมควร ก่อนลงสนามเลยติดว่าไม่เป็นไร ถือว่าเป็นโอกาสอันดีที่เราจะวิ่งเกิน 15 กม.ละกัน เรื่องเวลาอย่าไปสนใจ เรามีเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่กว่านี้รอยู่ (หรอ)  


วันเสาร์ก่อนวิ่งยังคงต้องทำงานทั้งวัน จึงพยายามทดแทนพลังงานด้วยการกินเยอะๆเพราะเชื่อว่า เมื่อพลังงานพร้อมร่างกายจะฟิต (และมันก็จริงอย่างที่สุดนะคะ) และจากที่ตั้งใจว่าเอาน่ะ วิ่งให้สนุกอย่าไปคิดถึงสถิติ แต่สุดท้ายคืนก่อนวิ่งลองดูเวลาที่ทำไว้ในสนามนี้เมื่อปีที่แล้วว่าเป็นอย่างไร ปี 2013 วิ่งได้ 1.34 ชม. ตายละ มั่นใจว่ายังไงก็วิ่งได้แย่กว่าเดิมแน่ แต่อีกใจมันก็บอกว่า เฮ้ย..ถ้าตัดใจแต่แรกจะไปสนุกอะไร ลองดูสิเธอลองดู

รีบเข้านอนแต่หัวค่ำ แต่สุดท้ายกว่าจะหลับก็เลยสี่ทุ่มไปแล้ว ตั้งนาฬิกาปลุกไว้ที่ 3.45 น. ตื่นมาด้วยความสดใสมาก แปลกใจตัวเอง เพราไม่เคยรุ้สึกสดใสหากต้องตื่นก่อนไก่โห่แบบนี้มานานแล้ว สงสัยจะเพราะตื่นเต้นจริงๆ จัดการตัวเอง กินกล้วยน้ำว้า 1 ใบ ขับรถออกจากบ้าน ไปถึงงานประมาณ 4.30 น. ทุกอย่างปกติราบลื่น ไม่มีอะไรขลุกขลักเลยจริงๆ

ตามปกติของงานที่จัดโดยแบรนด์ใหญ่ นักวิ่งมากหน้าหลายตาม ดูหนาแน่นและคึกคักมาก น่าดีใจที่คนรุ่นใหม่หันมาออกกำลังกายกันเยอะขึ้น (มาก) ถึงแม้มันจะเป็นกระแสหรืออะไรก็ตาม แต่ก็ยังน่ายินดีว่าไหมคะ

ชาวคณะประจำสนามนี้

เจอชาวคณะ ทักทายพี่ๆเพื่อนๆที่คุ้นเคย แล้วเดินเข้าไปเช็คอินเตรียมปล่อยตัว ไม่ตื่นเต้นเลยนะ ชิลมาก ไม่เหมือนงานวิ่งก่อนๆที่เราจะรู้สึกกระวนกระวายใจก่อนปล่อยตัวทุกครั้ง แต่งานนี้กลับใจร่มเป็นสุข เม้าท์มอยจนกระทั่งวินาทีปล่อยตัวได้อย่างมีความสุข และพอได้ยินเสียงสัญญาณปล่อยตัวก็พาตัวเองวิ่งไป


ตั้งแต่ช่วงปล่อยตัว จนถึงกิโลเมตรแรก จังหวะเสียมาก เพราะวิ่งตามกระแสคลื่นนักวิ่ง และเร่งความเร็วเพื่อหนีคนจึงทำให้จังหวะตัวเองเพี้ยน ไปวิ่งในเพซ 6 ต้นๆในช่วงออกตัว แม้จะพยายามเรียกสติตัวเองว่าเร็วไปแล้ว และหล่อนจะตายที่กิโลท้ายๆแน่ๆ แต่มันก็ไม่สามารถดึงตัวเองลงมาได้ รู้เลยว่าเป็นเพราะความไม่ยอมคนของตัวเองจริงๆ พอมองเห็นคนข้างๆไว เราก็อยากจะแข่งกับเขา สุดท้ายเลยตามเลย 

แผนที่เส้นทางวิ่งงวดนี้

งานนี้จัดการรถบนถนนได้แย่มาก ช่วงถนนเพชรบุรีตัดใหม่ บรรทัดทอง เจริญกรุง สีลม ราชดำริ แทบจะไม่มีการกั้นรถเลย กรวยที่กั้นเลนเพื่อบอกให้รู้ว่าเลนนี้จะมีคนวิ่งก็ไม่มีเลย ตามแยกใหญ่ก็มีเจ้าหน้าที่เพียง 1 ถึง 2 คนเท่านั้น วิ่งไปต้องคอยระวังเอง และโดนกั้นให้ต้องรอรถหลายแยกเลยทีเดียว เสียจังหวะมาก มีหลายโมม้นต์ที่เกือบหลุดปากพูดไปว่า ปิดถนนแบบนี้อย่าปิดเลยดีกว่าค่ะ แต่ข่มใจไว้ เพราะเข้าใจว่าทุกคนคงพยายามทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดแล้ว (มั๊ง) นอกจากอารมณ์เสียกับรถแล้ว ก็ยังเป็นเรื่องของขยะ กลิ่นขยะ เข้าใจว่าเรื่องนี้โทษผู้จัดงานคงไม่ได้ แต่เสียใจที่คนไทยไม่มีวินัย เมื่อไหร่ร้านค้าริมถนนโดยเฉพาะพวกร้านอาหาร จะมีความรับผิดชอบมากกว่านี้ คงได้แต่ถอนหายใจเบะปากกันไป


วันนั้นถือว่าโชคดีที่ไม่มีแดด อากาศครึ้มๆทำให้ไม่ร้อนมากเลยวิ่งได้สบาย  ช่วงกิโลที่ 6 รู้สึกเหนื่อยอาจจะเป็นเพราะวิ่งในเพซที่เร็วกว่าตั้งใจ และเร็วกว่าปกติที่วิ่งในช่วงนี้ แต่ก็พยายามบอกตัวเองว่าอย่าหยุดนะจ๊ะ ไม่งั้นหล่อนจะตายตรงนี้ พอถึงกิโลที่ 8 เอาเจลมาบีบเข้าปาก เพราะหวังว่ามันจะช่วยให้มีพลังเพิ่มขึ้นบ้าง หลังจากเติมพลังแล้ว กลับรู้สึกไม่เหนื่อยแต่ล้าขามาก และอาการเจ็บหลังเริ่มมา ชั่งใจระหว่างลดความเร็ววิ่งติ๊ดชึ่งไป หรืออย่าไปคิดถึงมันจัดการให้จบแล้วจะได้นอน สงสัยว่าพระเจ้าจะได้ยิน จึงส่งนักวิ่งเท้าไฟหลายคนมาวิ่งประกบช่วยดึงเราให้วิ่งตามๆเขาไป 


บรรยากาศหลังเข้าเส้นชัย

พลาดที่ตัวเองไม่ได้จำแผนที่วิ่งมา เท่าที่จำได้คือ วิ่งเข้าถนนสาทร แต่สุดท้ายเห็นจัดให้วิ่งยาวไปบนนถนนสีลมก็เลย งงๆ จากสีลมเข้าราชดำริ มองดูระยะจากการ์มินแล้วเห็นว่ายังขาดไปอีก 3 กิโลจึงคิดว่าไม่น่าจะจบแบบระยะขาด แต่ก็คิดว่าเส้นทางไม่น่าจะไปวนที่ไหน มันน่าจะวิ่งเข้าเซ็นทรัลเวิลด์เลย ดิฉันจัดเลยค่ะ เพซโกยหนีหมา ใส่ให้สุดเพราะไหนๆก็จะจบแล้ว มีจุดรับน้ำก่อนถึงโรงพยายาบาลตำรวจ ตัดสินใจรับน้ำก็ได้แม้เส้นชัยจะห่างไปนิดเดียว คุณเอ๊ยยย โชคดีที่รับน้ำ เพราะนางคิดผิดค่ะ คุณหลอกดาว พอมาถึงแยกโรงพยาบาลตำรวจพี่หลอกดาวด้วยการให้วิ่งไปแยกเฉลิมเผ่า กลับตัวตรงแยก น้องก็คิดว่าเอาวะ อีกนิดก็จะถึงแล้ว 


และดาวก็โดนหลอกอีกรอบ ระยะยังไม่ครบพี่เค้าเลยให้ไปวิ่งเล่นในห้างอีกสักหน่อย ไปวนหน้าเซนทาราสักรอบ ใจเสียแล้วเพราะว่าตอนนั้นเหนื่อยมาก เพราะวิ่งมาเต็มสปีด ตอนนั้นเลยกรี๊ดร้องไปหนึ่งที พี่ผู้ชายข้างหน้าถึงกับหันมามอง วิ่งไปแบบกัดฟันมา พอมองเวลาแล้วรู้ว่าไม่สามารถรักษาสถิติเดิมได้ ตอนนัั้นลังเลระหว่างไหนๆก็ไหนๆผ่อนเถอะ กับเฮ้ยยย ช้ากว่ากันนิดเดียวจะเป็นไรไป และก็ต้องถือว่าโชคดีที่ฟ้าส่งคุณพี่ผู้ชายท่านหนึ่งให้มาวิ่งข้างเราพอดี พี่เค้าเห็นเราเร่ง เค้าเร่งตาม จนกลายเป็นว่าเราวิ่งไล่กวดกันมาเรื่อยๆ 

หน้าแย่สุด แต่ใจตอนนั้นมันส์สุดนะคะ

และถ้าตอนนั้นใครเจอชะนีชุดสีดำ ปากตะโกนว่า “ขอโทษนะคะ ขอโทษนะคะ” ในสปีดวิ่งหนีกระทิงบนฟุตบาทข้างเซ็นทรัลเวิลด์ ต้องขออภัยที่สร้างความไม่พอใจให้พวกคุณมา ณ ที่นี้นะคะ พอดีฉันกำลังสนุก และพวกคุณเดินกันเต็มทางวิ่งดิฉันจึงไม่รู้จะทำอย่างไร วิ่งไล่กันมากับคุณพี่ผู้ชาย จนเข้ามาถึงบริเวณหน้าห้างพี่เค้าแซงไปหนึ่งสเต็ป จึงตะโกนบอกพี่ว่า “เฮ้ยยย พี่แซงหนู” คุณพี่ก็ใจดีนะคะ หันมาหัวเราะแล้วชะลอรอด้วย! วิ่งไล่กันมาจนจะเข้าเส้นชัย พี่เค้าหันมาบอกว่า “เชิญก่อนเลยครับ” คือ..ตอนวินาทีนั้นพี่หล่อมากกกก ยกนิ้วให้พี่เค้าแล้ววิ่งเข้าไปแบบหัวใจจะวายที่เส้นชัย 

ไม่เชื่อก็ดู...มันส์ขนาดไหน หน้ามันส์เกิ๊นนน
พี่ผู้ชายท่านั้นอยู่ในภาพนี้เช่นกัน :)


10 miles จบลงด้วยการยกมือไหว้คุณพี่ท่านนั้น ต่างคนต่างขอบคุณกันและกันที่ช่วยให้ช่วงสุดท้ายก่อนเข้าเส้นชัยสนุกมาก นี่มันคือเสน่ห์ของงานวิ่งจริงๆ คุณจะเป็นใครมาจากไหนเราไม่รู้ แต่ทุกคนแชร์ความรู้สึกกัน ช่วยเหลือกัน มันไม่ใช่เรื่องของการแพ้ ชนะ เวลาที่ชั้นต้องทำให้ได้ แต่มันคือการพูดจาภาษาเดียวกันได้โดยไม่ต้องรู้จักกัน




สนาม SuperSports 10 miles 2014 จบลงแบบหัวใจพองโตมาก ใช้เวลา 1.39 ชม. (ช้ากว่าปีที่แล้ว 4 นาที แต่หยุดตามแยกไป 4 ครั้ง ดังนั้นถือว่าวิ่งได้ไม่ต่างจากเดิมละกัน) ระยะจากพี่การ์มินของฉันบอกไว้ที่ 15.79กม. แต่ของบางคนอยู่ที่ 16.3 กม.ไม่แน่ใจว่าระยะจริงเท่าไหร่ แต่สิ่งที่ฉันได้มันมีค่ามากกว่าเวลาบนนาฬิกา  ที่ฉันรู้คือฉันทำได้ดีกว่าที่คิดไว้เยอะ และทำได้ดีกว่าที่ประเมินตัวเองไว้มาก .. มันทำให้เชื่อและเรียนรู้ว่า จงมั่นใจในตัวเอง และอย่าดูถูกความสามารถของตัวเอง




สรุปสุดท้าย งานจัดได้ตามมาตรฐานงานวิ่งในเมืองค่ะ คือ มีเรื่องให้บ่นเหมือนเคยกับปัญหาการจัดการจราจร เจอควันดำ เจอรถงี่เง่า เจอขยะเหม็นๆ คนเมืองถ้ายังคิดจะสมัครวิ่งงานในเมือง มันก็ต้องทนไปค่ะ เข้าใจว่ามันเป็นเรื่องยากที่จะต้องเอาใจทั้งนักวิ่ง และคนขับรถ แต่ในฐานะคนที่ทำงานที่ต้องประสานกับคนเยอะๆเพื่อเอาใจทุกฝ่ายเช่นกัน เชื่อว่างานจัดยังสามารถจัดให้ดีกว่านี้ได้ คุณสามารถบรีฟงานทีมงาน บรีฟงานทีมแจกเบอร์ แจกเสื้อให้ดีกว่านี้ได้ ไม่ใช่ปล่อยให้ทีมงานทำงานแบบ งงๆ มีอะไรต้องร้องตะโกนให้คนซีเนียร์กว่ามาจัดการ บรีฟเด็กแต่แรกสิคะ ประเมินว่าปัญหาอะไรน่าจะเกิน แล้วเตรียมทางออก เตรียมคำตอบไว้แต่แรก (อุ่ย..บ่นยาว) 

.. วิ่งบนถนนในเมืองทุกครั้ง ดิฉันก็กลับมาบ่นทุกครั้งนะ แต่ไม่รู้ทำไม สุดท้ายก็ยังวิ่ง .. ก็เลือกเอง บ่นทำไม จริงไหม

7 comments:

  1. เย้ ๆ รอมาหลายเดือน .. ชอบฟังสวยบ่น :)

    ReplyDelete
    Replies
    1. ขอบคุณพี่ฮั้วที่ติดตามค่ะ จะพยายามหาเรื่องมาบ่นบ่อยๆนะคะ :)

      Delete
  2. ชอบอารมณ์ตอนเข้าเส้น 100เมตรสุดท้ายต้องดูดีที่สุด

    ReplyDelete
    Replies
    1. นี่มันดูมันส์ แต่ไม่ดูดีเลยค่ะ ฮ่าๆ

      Delete
  3. หน้าเส้นชัยแบบว่าแรงเหลือเยอะ ฮ่าๆ ได้อารมณ์สุดๆ

    ReplyDelete
  4. เยี่ยมเลยครับ

    ReplyDelete
  5. โดนหลอกหน้า รพ.ตำรวจเช่นกัน

    ReplyDelete