สนามวิ่งที่ตั้งใจมาตั้งแต่แรกว่าจะต้องลงไปร่วมวิ่งให้ได้
เพราะพลาดจากปีที่แล้ว จริงๆไม่ควรเรียกว่าพลาด เพราะสนาม KOTR 2012 ดิฉันยังไม่รู้จักโลกของการวิ่งเลยด้วยซ้ำ
แต่ก็พอได้รับรู้อยู่ว่ามีการจัดงานยิ่งใหญ่ประจำปีของอะดิดาส ดังนั้น ในปีนี้
เมื่อฉันได้ก้าวเข้าสู่โลกของการวิ่งอ่างเต็มตัวและจริงจัง (มาก) แล้ว
มีรึที่ฉันจะพลาด
prop พร้อม |
ไฮไลท์ของ
Adidas
King of the Road 2013 คือ เส้นทางการวิ่งขนานรันเวย์ของสนามบินสุวรรณภูมิ
ถือเป็นงานวิ่งแรกในประเทศไทยเลยก็ได้ที่จัดบนเส้นทางนี้
โดยปกติเส้นทางนี้เป็นเส้นทางประจำของนักปั่น ที่มักจะไปรวมตัวกันซ้อมปั่นจักรยาน
แต่ไม่ค่อยมีคนไปวิ่งสักเท่าไหร่ ส่วนตัวก็ไม่เคยไปเยือนถนนสายนี้ หรือพื้นที่นี้มาก่อนเลย
เคยแต่ได้ยินคำร่ำลือ ว่าปั่นจักรยานสนุก แต่ออกจะเหงาไปเสียหน่อย
เพราะสองข้างทางนั้นไร้วิวให้ดู ดังนั้น ภาพที่คิดเอาไว้คือ ถนนรันเวย์เรียบๆ
ทอดยาวสุดสายตา และไร้ซึ่งร่มเงาของต้นไม้ จึงทำให้เกิดอาการหวั่นๆ
ว่างานนี้จะต้องพ่ายแพ้ความร้อนแน่ๆ
สนามนี้เป็นหนึ่งในสนามที่พูดได้เต็มปากว่า
‘เตรียมตัวมาดีที่สุด’ กินอิ่ม (มาก)
ปริมาณการโด๊ปอาหารของสนามนี้เต็มแน่นมาก ตั้งแต่วันศุกร์กับแก๊งค์หมวยสู้ฟัด
และวันเสาร์ที่ใส่อาหารเข้าปากตั้งแต่ลืมตายาวจนค่ำ
จะบอกว่ามีพลังงานสำรองไว้วิ่งได้ถึงยอดเขาเอเวอเรสต์โดยไม่ต้องเติมพลังระหว่างทางได้เลยทีเดียว
บรรยากาศบนเส้นทางวิ่ง ขณะพระอาทิตย์กำลังตื่นขึ้นมาทำงาน |
ช่วงเวลาก่อนที่จะวิ่งงานนี้
เป็นช่วงที่ซ้อมวิ่งยาวตามโปรแกรมสำหรับลงฟูล มาราธอนค่ะ
ดังนั้นจึงไม่ห่วงว่าจะวิ่งในระยะ 16.8 กิโลเมตรไม่ไหว และวันพฤหัสก่อนหน้างาน
ก็นึกคึกคักวิ่งซ้อมไป 20 กิโลเมตร เลยทำให้รู้สึกว่า ช่วงนี้กล้ามขาทรงพลังมาก
และวิ่งได้แน่นมาก เรื่องระยะไม่หวั่น แต่อย่ามาถามกันเรื่องเวลา
ตื่น
3.30 ล้างหน้าอาบน้ำแต่งตัว อุตส่าต์วางแผนไว้ว่ามีเวลาพอสำหรับการเตรียมตัวและหาอะไรรองท้อง
แต่ก็พลาดจนได้ ออกจากบ้านตี 4 ถึงที่หมายบวกหลงทางประมาณเกือบๆตี 5 ค่ะ
ด้วยความที่หลงทาง จึงทำให้เกิดอาการรน ลืมนู่นลืมนี่ วิ่งไปมาเอาของที่รถ
วิ่งไปห้องน้ำ สุดท้าย ไม่มีอะไรรองท้อง ไม่ได้วอร์ม
(แต่ก็สามารถนับการวิ่งไปเอาของหลายรอบเป็นการวอร์มได้เนอะ) และที่สำคัญ พูดมากเม้าท์มากก่อนปล่อยตัว
นางคอแห้งหิวน้ำมากค่ะ
ทางยังอีกไกล |
บรรยากาศงานคึกคักมาก
งานนี้มีนักวิ่งหน้าใหม่เยอะแยะ และเป็นงานที่รวมเหล่านักวิ่งเอาไว้มากที่สุดงานหนึ่งเลยทีเดียวตามสไตล์งานใหญ่ของแบรนด์ดัง
เช็คอินเตรียมพร้อมสำหรับการปล่อยตัว บอกตัวเองว่า เอาชิลนะงานนี้ 10
กิโลแรกไปสบายๆ ไม่ให้เหนื่อย ไม่ให้หมด แล้ว 7 กิโลที่เหลือค่อยประเมินกันอีกที
ออกตัววิ่งไปกับเพื่อนสาวในแก๊งค์
สักพักก็แยกย้ายกันตามจังหวะของตัวเอง อารมณ์ดีเบิกบาน
เพราะตั้งใจว่าจะวิ่งให้สนุก เลยทำให้พูดคุยทักทายกับพี่ๆที่รู้จักไปเรื่อยๆ
แวะทัก แวะวิ่งแซวขนานกันไปบ้าง จนได้มาเจอสองหนุ่มจาก Check Rate
Running ที่พักหลังเจอกันทุกงานวิ่งจนคุ้นเคย
และพอจับจังหวะได้ว่าเราวิ่งพอๆกัน จึงขอติดสอยห้อยตามเป็นเพื่อนร่วมทางกันไป
เห็นตู้นี้แล้วมั่นใจ ฉันไม่ตายแน่ๆ |
วิ่งเกาะกลุ่มกันสามคน
หนุ่มสอง สาวหนึ่ง ภูมิใจที่สวยที่สุดในกลุ่มนี้ ฮา..ตกลงกันว่า เราจะวิ่งในระดับ pace 6.3 ไม่เร็วเกินนี้ไปเรื่อยๆ แล้วหลังจากกลับตัวค่อยว่ากัน
และแล้วเราก็เกาะกันไปที่ระดับนี้จริงๆค่ะ วิ่งไป คุยไป แซวไปบ้าง
เป็นครั้งแรกเลยที่ฉันวิ่งด้วยความรู้สึกแบบนี้ เพราะปกติเวลาวิ่งจะไม่ชิลค่ะ
จะไม่คุยกับใครเพราคุยทีไรสมาธิเสียและเหนื่อยทุกที
ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่สามารถแซวคนได้ตลอดทาง ฮา..
ด้วยความที่ถนนเป็นเส้นตรง
วิวสองข้างทางเป็นทุ่งหญ้า ไม่มีต้นไหม้ใหญ่ ไม่มีวิวอะไรให้มอง มีเครื่องบินขึ้น
เครื่องบินลงพอให้รู้สึกว้าว จึงทำให้รู้สึกว่าเวลาผ่านไปช้ามาก
วิ่งมาตั้งนานอะไรหว่าเพิ่งจะ 4 กิโลเอง แอบเบื่อเหมือนกันค่ะ พาลจะหลับเอา
มีอาการรู้สึกเหนื่อยบ้าง แต่ด้วยความที่เกาะกลุ่มกับสองหนุ่มมา
เลยยังพอมีคนลากๆเกาะๆกันให้วิ่งไป
![]() |
2 หนุ่มเพื่อนร่วมทางของการผจญภัยวันนี้ |
รักษาระดับความเร็วให้ไม่เร็วเกิน
pace
6 ไปจนถึงช่วงกลับตัว ตอนแรกคิดว่า
ที่ตั้งใจจะวิ่งให้เร็วขึ้นหลังกลับตัวอาจจะไม่ไหวเสียแล้ว หลังจากกลับตัว
คุณพี่ข้างๆเริ่มยุกยิกถามกันว่าเอาไหม นางก็บอกว่าไปก่อนเลย
แต่อะไรเข้าสิงก็ไม่รู้ อยู่ดีๆก็มีพลังอย่างไม่น่าเชื่อ
เพิ่มความเร็วขึ้นมาเรื่อยๆ จนรักษาระดับอยู่ที่ pace 5.3-5.5 ไม่ให้เร็วไปกว่านี้ คิดว่ายังเร็วได้อีก
แต่ไม่อยากผิดแผนและหมดพลังจนพ่ายหมดรูปถึงกับต้องเดิน
ช่วงเวลาหลังจากกลับตัวแล้วนี่เองที่เป็นช่วงที่สนุกที่สุดของทุกๆการวิ่ง
การที่ได้วิ่งสวนทาง และทักทายกับพี่ๆเพื่อนๆที่รู้จักและคุ้นเคยกัน
มันทำให้ลืมเหนื่อย ลืมเบื่อ ลืมระยะทางยาวไกลที่เหลือ คิดว่าสิ่งนี้เอง
ที่ทำให้ฉันสามารถวิ่งครึ่งหลังได้สนุกกว่าครึ่งแรกจริงๆ
ต้องขอขอบคุณทุกคนที่ตะโกนทักทายให้กำลังใจมา ณ ที่นี้ มันพิสูจน์ให้เห็นจริงๆว่า
ทุกเส้นทางของการวิ่ง เราไม่เคยเหนื่อยคนเดียวจริงๆ
เครดิตภาพจาก www.shutterrunning.com |
3
กิโลสุดท้ายยังคงรักษาระดับความเร็วได้ตามที่ตั้งใจ แต่เริ่มรู้สึกเหนื่อย
พอมองเห็นรถพยาบาลข้างหน้า เลยคิดว่า แวะเพิ่มพลังฉี่อูฐสักหน่อยดีกว่า
ช้าหน่อยก็ไม่เป็นไร ดีกว่าไปหมดแรงเอากลางทาง ขอติงนิดนึง และฝากไว้กับผู้จัดงาน
หากท่านทั้งหลายได้ผ่านมาอ่าน
เกือบทุกครั้งที่วิ่งแวะเข้าไปขอแอมโมเนียจากหน่วยปฐมพยาบาลที่ปักหลักเม้าท์กันอย่างเมามัน
น้อยครั้งมากที่จะมีสิ่งที่ขอยื่นมาให้ทันที แต่กลับต้องยืนรอ ส่วนตัวคิดว่า
บนสนามวิ่ง เหตุการณ์ฉุกเฉินไม่คาดฝันเกิดขึ้นได้ทุกวินาที
ดังนั้นพวกคุณควรจะเตรียมพร้อมโดยมีสำลีชุบแอมโมเนียไว้ให้พร้อม
มากกว่าที่จะต้องให้คนจะเป็นลม มาคอยยืนรอคุณแกะห่อ เปิดขวด เทชุบ ยื่นให้ นะคะ
เครดิตภาพจาก www.shutterrunning.com |
บ่นพอละเม้าท์ต่อดีกว่า
หลังจากได้ฉี่อูฐมาสี่ก้อน นางก็ก็ยัดเข้าจมูกสูดปื๊ดใหญ่ๆ วิ่งไปดมไป กลายเป็นสูตรสำเร็จของดิฉันไปเสียแล้ว
การได้ดมยาดม หรือ แอมโมเนีย มันเพิ่มพลังคึกจริงๆค่ะ ใครสนใจจะไปลองดู
ไม่หวงวิชานะจ๊ะ กระทั่ง 2 กิโลสุดท้ายไม่รุ้แรงดีดมาจากไหน บอกตัวเองว่า ‘เอาวะ
วิ่งให้สนุกได้แล้ว’ จึงวิ่งอย่างโลดแล่นลืมเหนื่อย
ไปเรื่อยๆจนมาพบหนุ่มๆแก๊งค์เดิมที่พากันแซงขึ้นไปก่อน พร้อมหันไปถามว่า ‘เอามั๊ย’ ส่งสัญญาณมองหน้ากันอย่างงงๆ
และก็วิ่งไล่จับแข่งกันจนถึงเข้าเส้นชัยในแบบที่ฉันรู้สึกเป็นอีกหนึ่งวันที่มีความสุข
และรับรู้ได้ถึงหัวใจที่เต้นบอกว่า ‘ฉันยังมีชีวิต’ และเป็นชีวิตที่มีความหมาย
จบสนาม Adidas KOTR 2013 กับระยะ 16.8 กิโลเมตร ในเวลา 1.39 ชั่วโมง ตอนแรกคิดว่าเป็นสถิติใหม่ของตัวเอง แต่เมื่อย้อนดูการวิ่งในระยะเดียวกันของ SuperSports 10 miles จึงทำให้รู้ว่า งานนั้นทำเวลาได้ดีกว่า แต่..งานนั้นทำให้บาดเจ็บสาหัสที่สุดในชีวิตการวิ่งเลยทีเดียว ฮา
16.8
กิโลเมตรที่ไม่เดินเลย และเป็นงานที่แวะพักใช้เวลากินน้ำแต่ละ station น้อยที่สุด ไม่บาดเจ็บ ไม่เหนื่อย สภาพแฮ๊ปปี้สมบูรณ์มากกว่างานไหนๆ ผลประกอบการที่ดีมากในวันนี้น่าจะเป็นเผลของการซ้อมวิ่งระยะยาวสัปดาห์ละ
1 ครั้ง และทำให้เข้าใจแจ่มแจ้งเลยว่า ถ้าเราวิ่งได้อึดแล้ว เราจะวิ่งได้เร็วเอง
ต่อแต่นี้ไปก็ได้บทเรียนสอนตัวเองแล้วว่า ยามซ้อมไม่ต้องไว ไม่ต้องบ้า ไม่ต้องคึก
ถึงเวลา ทุกอย่างจะออกผลของมันเองนะจ๊ะ
ฝึกอึดก่อนฝึกเร็ว .. อึดแล้วเร็วเอง ^_^
ReplyDelete