“วันที่ขึ้นมาถึงระดับ 5,000 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล”
[23 ธันวาคม 2559] Dingboche (4,358m) – Lobuche (5,000m)
| สภาพทางเดินตลอดทริปวันนี้ |
เมื่อคืนปวดหัวมาก และยอมรับว่ากลัวมาก กลัวว่าจะไปต่อไม่ได้ กลัวว่าอาการแย่ลง กลัวว่าเราจะทำอย่างไรถ้าอาการหนักขึ้นจริง พยายามทำตัวให้อุ่นที่สุดเท่าที่จะทำได้ ใส่เสื่อดาวน์สองชั้น รวมๆแล้วใส่เสื้อผ้านอนทั้งหมด 5 ชั้น และใช้ผ้าห่มหนาๆอีกสองพื้นทับ แทบขยับตัวไม่ได้เลยทีเดียว กิน Diamox ครึ่งเม็ดและกินไทลินนอล 8 ชม. 2 เม็ด บอกตัวเองว่า ต้องหลับ ต้องหลับ แล้วก็หลับไปตอนไหนไม่รู้ รู้สึกตัวอีกทีคือรุ่งเช้าแล้ว จำใจต้องลุกเพราะปวดฉี่มาก
| ทางเดินวันนี้เคว้งคว้างมาก |
เวลาที่คนเราป่วยเรามักจะคิดถึงบ้าน
เมื่อคืนเป็นวันที่คิดถึงบ้านและอยากกลับบ้านมากที่สุด เราไม่อยากอยู่ตรงนี้แล้ว
ได้ตอนนอนสวดมนต์ขอแม่พระว่าอย่าให้เราเป็นอะไรที่แย่ไปกว่านี้เลย
อย่างน้อยก็ขอให้ได้ไปจนถึง base camp ตามที่ตั้งใจ แล้วจะไปต่อหรือไม่นั่นก็ขอให้มันเป็นโบนัสละกัน
ตื่นปุ๊บรีบสำรวจตัวเองปั๊บ ไม่มีอาการปวดหัวแล้ว
ดีใจมาก วันนี้เลยตั้งใจจะแก้ตัวให้เดินช้าลง และกินน้ำให้เยอะขึ้น เช้ามาก็เจอแจ๊คพอตเลย ห้องน้ำในตึกห้องพักน้ำหมด ไม่มีน้ำใช้เลยเข้าส้วมไม่ได้
ต้องลงมาเข้าห้องข้างล่างที่อยู่ด้านนอก หลังจากกินอาหารเช้า
พยายามจะต้องเข้าห้องน้ำให้สำเร็จก่อนออกเดินทาง จำใจเข้าห้องน้ำที่อยู่ด้านนอกกลางแจ้งที่เป็นส้วมรวมสำหรับทุกกกกคน สูดหายใจ กลั้นหายใจ เอาผ้าบัฟปิดก็แล้ว แต่สุดท้ายเกือบเอาชีวิตไม่รอด
เดินเข้าไปแล้วอ้วกแทบพุ่งเลยทีเดียว ไม่มีอารมณ์นั่งบิ๋วให้ภารกิจสำเร็จ สรุป .. เช้านั้นเลยไม่ได้ระบายของเก่าออกเลย
วันนี้เดินพะอืดพะอมตั้งแต่เช้าเพราอะไรไม่รู้
อาจเป็นเพราะอาหารเช้าหรือร่างกายยังไม่โอเคดี หรือร่างกายเริ่มต้นเข้าสู่โหมดไม่โอเคกับความสูงแล้วก็เป็นได่ อากาศระหว่างทางเดินวันนี้เย็นขึ้นมาก
จากปกติที่ใส่เสื้อฟลีซแขนยาวตัวเดียวเดิน วันนี้มาครบทั้งดาวน์ outer
shield หมวก และถุงมือ ใส่จนถึงบ่ายแล้วค่อยถอดเอาดาวน์ออก เดินกันตัวกลมเลยทีเดียว
| แต่งตัวจัดเต็มสุด |
วันนี้เปิดประสบการณ์ครั้งแรกหลายอย่าง
อย่างแรกคือ “อ้วกแตกกลางทาง” หลังจากพะอีดพะอมมาตั้งแต่เช้า
พอมื้อเที่ยงกินมาม่าเกาหลีลงไปเท่านั้นแหละ สงสัยมันจะเก่าเก็บเกินไป กินแล้วไปเดินขึ้นยาวๆทรมานเป็นที่สุด
ทนพิษบาดแผลไม่ไหว อ้วกพุ่งซะจนไกด์กับลูกหาบตกใจ พออ้วกออกเท่านั้นแหละ
ร่าเริงขึ้นเป็นคนละคน รู้งี้อ้วกตั้งนานละ
| โคเรียน ราเมนทำพิษ |
อย่างที่สองคือ การใช้ส้วมธรรมชาติ ด้วยความที่กลัวจะแย่เพราะ AMS อีกเลยกินน้ำถี่มาก ผลคือได้รับประสบการณ์การต้องถอดกางเกงนั่งลงฉี่ท่ามกลางขุนเขา
มันเป็นประสบการณ์ที่แปลกใหม่ดีนะ พอเราเดินขึ้นเขาสูงไปเรื่อยๆ
หมู่บ้านตามทางมักจะอยู่ห่างออกไปน้ำก็ต้องกินเพื่อลดอาการแพ้ความสูง
กินน้ำเยอะก็ต้องปวดฉี่เป็นปกติ ไม่ไหวก็ต้องหาโขดหินที่พอบังสายตาได้
แล้วก็รอจังหวะที่ไม่มีคนเดินตามมา บอกให้ไกด์และลูกหาบเดินล่วงหน้าไปก่อน พอมีครั้งแรกแล้ว
จะบอกว่าครั้งต่อๆมานี่ไม่มีความเขินเลยนะ กลายเป็นเรื่องปกติไปแล้ว แต่ะโกนบอกไกด์แล้วผลุบหายเข้าโขดหินไปเป็นอันเข้าใจตรงกัน
| ทางเดินบางช่วงเป็นน้ำแข็ง |
ระหว่างทางเดินวันนี้ ในหัวไม่คิดอะไรเลย นอกจากเดินแล้วท่องบทสวดมนต์อยู่ในใจ เราเดินสวดบทวันทามารีอาตลอดทาง (เราเป็นคาทอลิคค่ะ) สวดวนไปมา เส้นทางเดินวันนี้เคว้งคว้างกว่าเดิม ตลอดทางแทบไม่เจอคน เจอแต่ Yak เยอะแยะมากมาย มันเป็นสัตว์ที่น่ารักดีนะ
เรากำลังมุ่งหน้าไปสู่ความสูงระดับ 5,000 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล สิ่งต่างๆรอบตัวเริ่มเปลี่ยนไป ที่สังเกตเห็นได้ชัดคือ ไม่มีต้นไม่สูงแล้ว จะเป็นแค่พุ่มไม้เตี้ยๆและแห้งแล้งมาก จริงๆตั้งแต่จาก Pangboche ขึ้นมาต้นไม้ก็เร่มเตียลงเรือยๆแล้วล่ะ และทางเดินก็เป็นดินทรายจริงๆ มบางทีที่คิดว่านี่กูเดินอยู่ดาวอังคารหรือเปล่า เหมือนฉากหนังเรื่อง Martian ยังไงยังงั้น คนก็ไม่มี รอบตัวก็แห้งแล้งเหลือเกิน วังเวงพิลึก
| สภาพความแห้งแล้ง |
รูปถ่ายคือตัวแทนความคิดถึงที่ดีที่สุด ..
ช่วงบ่ายระหว่างนั่งอยู่ในห้องพักและไม่มีอะไรทำ
และเหมือนเคย ไกด์สั่งว่าห้ามนอน เลยเปิดมือถือนั่งดูรูปไปเรื่อยๆ
หลายๆรูปทำให้เราคิดถึงคนในภาพ อยู่ดีๆน้ำตาก็ไหลออกมา
ไม่รู้ว่าความคิดถึงจะเดินทางไปถึงไหม แต่มีเรื่องมากมายอยากเล่าให้ฟัง
อยากได้กอดแน่นๆและบอกกับเราว่า “ไม่เป็นไร เธอทำได้อยู่แล้ว”
| บางคนก็เลือกเดินทางคนเดียว |
| ที่พักคืนนี้คึกคักมาก |
พรุ่งนี้จะเป็นวัน Christmas Eve แล้ว และเราจะไปถึง base camp แล้ว เป็นความรู้สึกที่บอกไม่ถูกนะ เรารู้สึกเหงามาก เป็นคริสมาสต์ปีที่เรารู้สึกอยู่ไกกับครอบครัว ไกลจากคนที่เรารักมากที่สุด แต่อีกความรู้สึกหนึ่งคือ สิ่งที่เราฝันและตั้งใจ มันใกล้จะสำเร็จแล้ว